เผาแล้ว! “น้องคิง” เหยื่อตำรวจบุรีรัมย์ยิงดับคืนลอยกระทง จี้ย้าย-พักราชการหวั่นกระทบคดี

บุรีรัมย์ - เผาแล้วศพ “น้องคิง” เยาวชนวัย 15 ปี จ.บุรีรัมย์ ถูกตำรวจยิงดับคืนลอยกระทง ท่ามกลางความโศกเศร้าอาลัยของครอบครัว ญาติพี่น้อง และเพื่อน ไร้เงาดาบตำรวจและครูที่ร่วมกันก่อเหตุมาร่วมงาน พ่อแม่เหยื่อร่ำไห้เผยยังทำใจไม่ได้ที่สูญเสียลูกชายโดยที่ไม่มีความผิด ด้านทนายเรียกร้องให้ต้นสังกัดสั่งย้ายหรือพักราชการผู้ต้องหาไว้ก่อน หวั่นส่งผลกระทบต่อรูปคดี

วันนี้ (23 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีที่นายปฏิภาน ระเบียบโพธิ์ หรือน้องคิง อายุ 15 ปี ลูกชายของนายประเสริฐ ระเบียบโพธิ์ และนางกัลยากร คะเรรัมย์ ชาว ต.หนองขมาร อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ที่มีพยานพบเห็นว่าถูก ด.ต.สมชาย ร่วมพิมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คูเมือง ใช้อาวุธปืนประจำกายขนาด 9 มม.ยิงเสียชีวิตที่บริเวณข้างปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ถนนสายคูเมือง-พุทไธสง ในคืนวันลอยกระทง (14 พ.ย. 59) ที่ผ่านมา โดยมีนายบัญญัติ กั้นไธสง ข้าราชการครูโรงเรียนแห่งหนึ่งเป็นผู้ขับขี่จักรยานยนต์ในขณะก่อเหตุด้วย ทั้งสองได้ถูกแจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา แต่ต่อมาทั้งสองได้ยื่นขอประกันตัวในชั้นศาลแล้ว

ส่วนพนักงานสอบสวนได้เร่งสอบปากคำพยานแวดล้อม และรวบรวมหลักฐาน เพื่อสรุปสำนวนส่งอัยการตามขั้นตอน

ขณะที่ล่าสุดครอบครัวและญาติได้ทำพิธีฌาปนกิจศพของน้องคิงที่วัดบ้านไทร ต.หนองขมาร แล้ว ท่ามกลางความโศกเศร้าอาลัยของครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อนและนักเรียนโรงเรียนที่น้องเคยศึกษาที่มาร่วมส่งดวงวิญญาณและแสดงความอาลัยน้องคิงเป็นครั้งสุดท้าย

โดยเฉพาะพ่อและแม่ของน้องคิง ได้ร่ำไห้ด้วยความเสียใจที่ต้องสูญเสียลูกชายไปก่อนวัยอันควรต่อเหตุการณ์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม กลับไม่ปรากฏเห็นคู่กรณีทั้งดาบตำรวจ และครูที่ถูกกล่าวหาเป็นผู้ก่อเหตุยิงน้องคิงเสียชีวิต มาร่วมงานฌาปนกิจศพแต่อย่างใด ถึงแม้จะยื่นประกันตัวออกมาแล้วก็ตาม

นายประเสริฐ ระเบียบโพธิ์ พ่อน้องคิง กล่าวทั้งน้ำตาว่า แม้เหตุการณ์จะผ่านมาเกือบ 10 วันแล้ว แต่ยังทำใจไม่ได้กับการจากไปของลูกชายจากเหตุการณ์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น ส่วนที่ตัดสินใจเผาศพลูกชายเพราะเป็นความเห็นของครอบครัวที่อยากให้ดวงวิญญาณไปสู่สุขคติและอยู่ในภพภูมิที่ดี จากที่ก่อนหน้านี้ได้ยืนยันว่าจะไม่เผาศพจนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม แต่จนถึงขณะนี้ครอบครัวยังไม่สบายใจและกังวลว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมเพราะยังไม่มีการดำเนินการใดๆ กับคู่กรณี ทั้งยังยื่นประกันตัวออกมาและทำงานตามปกติ จึงอยากวิงวอนให้หน่วยงานที่ดูแลเรื่องความยุติธรรมยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเพื่อให้ได้รับความเป็นธรรมจากกรณีที่เกิดขึ้นกับลูกชายด้วย

ด้านนายภัทรพงศ์ ศุภักษร ทนายความอิสระที่อาสามาช่วยเหลือเรื่องคดีความของน้องคิง กล่าวว่า
หลังทราบว่าผู้ต้องหาคดีดังกล่าวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และข้าราชการครู จึงตัดสินใจยื่นมือเข้ามาช่วยเรื่องคดีความเพราะอยากให้ครอบครัวของน้องได้รับความเป็นธรรม ยิ่งทราบว่าผู้ต้องหาทั้งสองได้รับการประกันตัวออกมาต่อสู้คดีด้วย

จากกรณีดังกล่าวจึงอยากให้ต้นสังกัดหรือผู้บังคับบัญชาของผู้ต้องหาทั้งสองได้สั่งย้ายหรือพักราชการไว้ก่อน เพราะเกรงผู้ต้องหาซึ่งเป็นข้าราชการจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคดี จนส่งผลอย่างใดอย่างหนึ่งกับรูปคดีได้ซึ่งอาจเกิดความไม่เป็นธรรมกับผู้เสียหาย และหากไม่ได้รับความเป็นธรรมจะพาครอบครัวไปร้องต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือหน่วยงานระดับที่สูงขึ้นต่อไป