นครปฐม - อาการเด็ก 5 ขวบ เหยื่อกระบะไม่ทราบยี่ห้อ และทะเบียนชนกลางสายฝนจนร่างกระเด็น ที่บริเวณหน้าร้านค้าขายของโชวห่วยในเขตพื้นที่ตำบลบ่อพลับ เมืองนครปฐม ปลอดภัยแล้ว แต่ยังมีบาดแผลที่ใบหน้า และลำตัว และอาการทางสายตา เผยช่วงเกิดเหตุกล้องวงจรปิดจับภาพได้ชัด โดยเห็นหญิงสูงวัยเป็นคนขับรถลงมาดู ก่อนรีบกลับขึ้นรถซิ่งหลบหนีไปหน้าตาเฉย ด้านตำรวจเร่งล่าตัวมาดำเนินคดี ยันเอาผิดถึงที่สุดฐานลงมาดูแล้วยังหลบหนี
จากกรณีโลกโซเชียลมีเดียได้แชร์ภาพเหตุการณ์เมื่อวันที่ 13 พ.ย.59 เวลาประมาณ 12.30 น. มีรถกระบะไม่ทราบยี่ห้อ และทะเบียน ขับชนเด็กชายอายุประมาณ 5 ขวบ จนร่างกระเด็นไปตามพื้นถนนได้รับบาดเจ็บสาหัส และทราบชื่อเด็กคนดังกล่าวต่อมา คือ ด.ช.คนัท เปียแก้ว อายุ 5 ขวบ นักเรียนชั้นอนุบาล 2 โรงเรียนวัดหลวงพ่อแช่มอนุสรณ์ โดยเหตุเกิดที่บริเวณหน้าร้านโชวห่วยแห่งหนึ่งในเขตพื้นที่หมู่ 6 ต.บ่อพลับ อ.เมือง จ.นครปฐม ซึ่งขณะเกิดเหตุการณ์ได้มีกล้องวงจรปิดของร้านค้าบันทึกภาพไว้ได้ โดยมีภาพจากกล้อง 2 ตัว กล้องตัวที่ 1 เป็นภาพขณะเด็กชาย 2 คน อยู่บริเวณหน้าร้านค้า โดยเด็กชายที่ถูกชนได้วิ่งออกมาบริเวณนอกถนนลักษณะเหมือนจะวิ่งไปดักหน้าเด็กชายอีกคน และเป็นจังหวะเดียวกับที่มีรถกระบะขับมาพอดีทำให้ถูกชนอย่างแรงจนร่างกระเด็น
ขณะที่ภาพจากกล้องตัวที่ 2 จะเห็นว่า มีหญิงสูงวัยลงมาจากรถเข้ามาดูอาการเด็กก่อนที่จะมีพลเมืองดีขับผ่านมาเห็นเหตุการณ์ และลงมาช่วยเหลือ โดยหญิงคนดังกล่าวได้บอกพลเมืองดีว่าให้รีบนำเด็กส่งโรงพยาบาล ก่อนที่จะรีบขึ้นรถขับหนีออกจากที่เกิดเหตุออกไปอย่างรวดเร็ว จนขณะนี้ผ่านไป 3 วัน คู่กรณียังไม่มีการติดต่อกลับมาแสดงความรับผิดชอบแต่อย่างใด
ล่าสุด วันนี้ (15 พ.ย.) พบว่าอาการของ ด.ช.คนัท เปียแก้ว อายุ 5 ขวบ นักเรียนชั้นอนุบาล 2 โรงเรียนวัดหลวงพ่อแช่มอนุสรณ์ อยู่ในขั้นที่ปลอดภัยแล้ว แต่ยังมีบาดแผลที่ใบหน้า และลำตัว ซึ่งแพทย์ได้อนุญาตให้กลับไปพักรักษาตัวที่บ้านได้ โดยผลการตรวจเช็กสมองผลออกมาเป็นปกติ แต่ยังต้องเข้ารับการตรวจตามนัดอีกครั้งเพื่อเช็กอาการทางสายตา เนื่องจากน้องคนัท บอกว่ายังมีอาการมองไม่ค่อยเห็น ซึ่งแพทย์จะต้องติดตามดูอาการอย่างละเอียดเป็นระยะ
นายณภัทร มณฑาสุวรรณ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ต.บ่อพลับ อ.เมือง จ.นครปฐม กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุตนได้เป็นผู้แชร์คลิปดังกล่าว เพราะเห็นว่าภาพที่ปรากฏนั้นเป็นภาพที่สยดสยอง และหลังเกิดเหตุคู่กรณีน่าจะนำเด็กส่งโรงพยาบาลทันที เพราะเด็กมีอาการสาหัส มีแผลฉีกขาดที่บริเวณใบหน้า แต่คู่กรณีได้แต่เพียงลงมาดูอาการเด็ก และอ้างว่าเด็กถูกรถคันอื่นขับชนก่อนที่จะขับรถออกไปอย่างไม่ไยดี ขณะที่พลเมืองดีได้รีบนำตัวเด็กส่งโรงพยาบาลในสภาพที่ทุลักทุเล โดยนำร่างเด็กนั่งซ้อนรถจักรยานยนต์ตากฝนไปโรงพยาบาล ซึ่งเด็กได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลนครปฐม 2 วัน ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการรักษาได้ใช้สิทธิจาก พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทน ค่าใช้จ่ายจากการเกิดอุบัติบนท้องถนนวงเงิน 30,000 บาท และอยากให้คู่กรณีกลับมาดูแลเด็กไม่ใช่หลบหนีไปแบบนี้
นางสุทิน วงษ์สุวรรณ ซึ่งเป็นแม่ของ ด.ช.คนัท กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังไม่ได้รับการติดต่อจากคู่กรณี โดยตอนนี้ครอบครัวตนลำบากมาก เนื่องจากตนมีอาชีพรับจ้าง ต้องหยุดงานเพื่อมาดูแลลูก ทำให้ขาดรายได้ อีกทั้งน้องยังต้องเดินทางไปทำแผลทุกวัน ซึ่งหมอก็ได้นัดตรวจเช็กสายตาอีกครั้ง เพราะน้องได้รับการกระแทกอย่างรุนแรงบริเวณเบ้าตาด้านซ้าย โดยตอนนี้อยู่ระหว่างรอดูอาการ ส่วนนายสมชาย เปียแก้ว พ่อของเด็กขณะนี้ได้ไปให้ปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.เมืองนครปฐม ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจโดย พ.ต.อ.ไพฑูรย์ พิทักษ์ธรรม ผกก.สภ.เมืองนครปฐม ได้บอกว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่โรงเรียนหลวงพ่อแช่มอนุสรณ์ ต.บ่อพลับ เพื่อพบกับ ด.ช.สิทธิศักดิ์ ขุนอินทร์ หรือน้องแค้มป์ อายุ 9 ขวบ ลูกพี่ลูกน้องกับ ด.ช.คนัท และอยู่ในเหตุการณ์วันนั้นโดย น้องแค้มป์ กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุตนเห็นน้องมีเลือดไหลเต็มหน้า ก็ร้องไห้ตกใจ กลัวน้องเจ็บ และได้ร้องให้ป้าที่ลงมาดูช่วยนำน้องไปส่งโรงพยาบาล แต่ป้ากลับขึ้นรถขับออกไป ตนจึงได้ถอดเสื้อน้องมาเช็ดเลือด และรู้สึกโกรธมากที่ป้าไม่ช่วยน้อง และกลัวน้องจะเป็นอะไรมากก็ได้แต่ร้องไห้ตามที่ปรากฏในคลิป และไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ทำให้ตกใจ และยังหวาดกลัวต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
นางจันทร์ทิรา รุ่งทวีชัย ครูโรงเรียนหลวงพ่อแช่มอนุสรณ์ กล่าวว่า อยากให้คู่กรณีติดต่อมายังครอบครัวน้องเพื่อให้การช่วยเหลือบ้าง เพราะตอนนี้สังคมโซเชียลเริ่มมีการแชร์คลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่อยากให้มีการกล่าวโทษว่าใครผิดใครถูก เพราะมองแล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุ แต่อยากให้มองถึงหลักมนุษยธรรมที่จะมีการรับผิดชอบหลังเกิดเหตุ ขณะที่ทางโรงเรียนก็ได้นำคลิปดังกล่าวมาเผยแพร่ให้เด็กๆ ได้ดูด้วยเพื่อเป็นอุทาหรณ์ และเตรียมประสานช่วยเหลือด้านค่าใช้จ่ายในการรักษา โดยเด็กทุกคนจะมีประกันอุบัติเหตุหมู่คุ้มครองวงเงิน 10,000 บาท
ทั้งนี้ ขณะที่คลิปดังกล่าวได้แพร่ออกไปได้มีการวิจารณ์ไปต่างๆ นานา โดยเฉพาะการที่คนขับรถชนได้หลบหนีไป่ท่ามกลางความชุลมุน โดยพลเมืองดีที่ได้ขับรถจักรยานยนต์พาน้องคนัท ไปส่งบอกว่า คนที่ขับรถชนแทนที่จะช่วยเด็กแต่กลับเร่งให้ตนรีบนำเด็กไปส่งโรงพยาบาล แต่ตัวเองกลับหลบหนีไปทั้งๆ ที่อาการของเด็กหนักมาก โดยภาพวงจรปิดที่จับภาพได้ ผู้ขับขี่มีลักษณะผมยาว ท้วม อายุประมาณ 40-50 ปี มีของอยู่หลังกระบะคล้ายแม่ค้าตามตลาดนัด คาดว่าอยู่ไม่ห่างพื้นที่เกิดเหตุ โดยคาดว่าน่าจะพบตัวไม่นานนี้