xs
xsm
sm
md
lg

ชาวนาอ่วม! รถเกี่ยวข้าวขึ้นราคา ค่าแรงสูง หันตากข้าวเก็บรอขาย ลดเสี่ยงขาดทุน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


กาฬสินธุ์ - ชาวนาที่จังหวัดกาฬสินธุ์เดือดร้อนหนัก จากภาวะราคาข้าวเปลือกตกต่ำสุดในรอบ 10 ปี ที่กิโลกรัมละ 5 บาท ประกอบกับค่าจ่างแรงงานที่เพิ่มสูง รถเกี่ยวข้าวไร่ละ 800 บาท หรือคนละ 350 บาทต่อวัน ขณะที่ชาวนาหลายรายที่เก็บเกี่ยวทีหลังหันมาตากข้าวเปลือกให้แห้ง หวังนำไปจำหน่ายได้ราคาสูงขึ้น


นางสมหมาย ดอนจรู อายุ 70 ปี ชาวนาบ้านเชียงสา เลขที่ 113 หมู่ 9 ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า จากสถานการณ์ราคารับซื้อข้าวเปลือกตกต่ำ ซึ่งต่ำสุดในรอบ 10 ปี กิโลกรัมละ 5 บาท ทำความเดือดร้อนให้แก่ชาวนาที่นำข้าวไปขายแล้วได้ค่าตอบแทนไม่คุ้ม เนื่องจากต้นทุนการทำนาสูงขึ้น ทั้งค่าพันธุ์ข้าว ค่าปุ๋ยเคมี ค่าแรงงานไถ ปักดำ

โดยเฉพาะค่าจ้างเก็บเกี่ยวในฤดูกาลนี้ที่ค่าจ้างรถเกี่ยวไร่ละ 800 บาท ขณะที่ถ้าเป็นการจ้างแรงงานคนเกี่ยวค่าจ้างคนละ 300-350 บาท ตามระยะทาง ที่เมื่อรวมค่าอาหาร ค่าขนส่งด้วยก็ยิ่งเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ชาวนาขึ้นอีก เมื่อนำรายได้มาหักค่าใช้จ่ายแล้วจึงติดลบ

นางสมหมาย กล่าวอีกว่า ตนมีที่นา 10 ไร่ ทุกๆ ปีจะปลูกข้าวหอมมะลิ 8 ไร่ เพื่อจำหน่าย อีก 2 ไร่ ปลูกข้าวเหนียวไว้กิน โดยเป็นนาหว่านทั้งหมด ผลผลิตเฉลี่ยไร่ละ 300 กิโลกรัม ปีที่ผ่านมาจำหน่ายได้กิโลกรัมละ 8 บาท หักค่าใช้จ่ายแล้วก็พอคุ้มทุน แต่ปีนี้หากนำข้าวไปขายได้ราคากิโลกรัมละ 5 บาท ทั้งยังจะถูกหักค่าความชื้น และสิ่งเจือปนด้วยคงขาดทุนแน่นอน อย่างไรก็ตาม เพื่อที่จะตัดปัญหาดังกล่าวจึงได้นำข้าวเปลือกหอมมะลิที่เพิ่งจ้างรถเกี่ยวมาผึ่งแดดให้แห้งก่อนนำไปขายหวังได้ราคาขายสูงขึ้น

ด้านนางละไมล์ ภูนาเมือง อายุ 60 ปี ชาวนาบ้านเชียงสา เลขที่ 177 หมู่ 9 ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ตนเองมีที่นา 5 ไร่ เป็นนาดำ ซึ่งจะได้ผลผลิตสูงกว่านาหว่าน แต่ต้องจ้างแรงงานทั้งหมด เพราะในครอบครัวขาดแคลนแรงงาน ทำให้ต้องเพิ่มต้นทุนในส่วนของการจ้างแรงงาน อย่างไรก็ตาม ทุกปีที่ผ่านมา เมื่อนำข้าวไปขายที่ตลาดรับซื้อก็ถือว่าคุ้มทุน พอเลี้ยงตัวเองได้ แต่ฤดูกาลเก็บเกี่ยวปีนี้เห็นเพื่อนชาวนาหลายรายนำข้าวไปขายในราคาต่ำ และขาดทุนกลับมา ทำให้คิดหนักมาก และไม่กล้าจะจ้างแรงงานเกี่ยว

เพราะค่าแรงสูง และตลาดรับซื้อข้าวให้ราค่าต่ำอีกด้วย จึงไม่กล้าเสี่ยงที่จะเกี่ยวข้าวให้ขาดทุน และรู้สึกเจ็บปวดใจต่อปัญหาราคาข้าวตกต่ำ

นางละไมล์ กล่าวอีกว่า การทำนาเป็นอาชีพที่เสี่ยงกับหลายๆ ปัจจัย ทั้งสภาพดินฟ้าอากาศที่หากเกิดภาวะฝนทิ้งช่วงก็จะทำให้ข้าวเป็นโรค และขาดน้ำแห้งตาย หรือปีใดฝนตกหนักก็น้ำท่วม นอกจากนี้ ยังต้องซื้อปุ๋ยเคมีมาบำรุง และยากำจัดวัชพืชอีกด้วย ประกอบกับค่าแรงงานที่สูงขึ้นในปัจจุบัน ขณะที่ราคาขายผลผลิตกลับตกต่ำซึ่งสวนทางกัน ทำให้อาชีพชาวนาลำบาก ขาดทุนซ้ำซาก จนต้องกู้เงินจากแหล่งเงินทุนมาลงทุน สำหรับตนเป็นหนี้ ธ.ก.ส.อยู่ 3 แสนบาท

ซึ่งยังไม่มีลู่ทางที่จะปลดเปลื้องหนี้สินนี้ได้เลย ทั้งนี้ อยากวิงวอนไปยังรัฐบาลได้เข้ามาช่วยเหลือชาวนาอย่างจริงจัง โดยการพยุงราคาให้สูงขึ้น เพื่อที่ชาวนาซึ่งเป็นกระดูกสันหลังของชาติ ปลูกข้าวเลี้ยงคนทั้งประเทศจะได้อยู่รอด







กำลังโหลดความคิดเห็น