xs
xsm
sm
md
lg

ส่องวิถีเกษตรกรซ่อนตัวกำแพงเพชร-เดินตาม “พ่อ” มีกิน แจก ขาย ไร้หนี้(ชมคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


กำแพงเพชร - ตามพิสูจน์วิถี “เกษตรกรซ่อนตัว” หนุ่มใหญ่เมืองกล้วยไข่ อดีตนักรบแรงงาน-คนขี้เหล้า แค่ได้ดูงานเศรษฐกิจพอเพียงตามรอย “พ่อหลวง” ที่เชียงดาว เชียงใหม่ ปรับใช้ที่ดิน 6 ไร่ทำเงินทำทองได้ทุกตารางเมตร บอก “มีกิน มีแจก มีขาย ไร้หนี้”



นายสำรวย ภาเจริญ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 004 หมู่ที่ 11 บ้านห้องใหม่ ต.นครชุม อ.เมืองกำแพงเพชร อดีตนักรบแรงงาน ผู้เรียกตัวเองเป็น “เกษตรกรซ่อนตัว” เปิดเผยว่า ก่อนนี้เคยไปทำงานก่อสร้างอยู่มาเลย์-ไต้หวันมาหลายปี เป็นคนดื่มเหล้า อยู่มาวันหนึ่งคิดได้ว่าอายุมากขึ้น และอยู่ตัวคนเดียว จึงนำเงินที่สะสมไว้ซื้อที่ดินผืนหนึ่ง 6 ไร่ เพื่อสร้างบ้าน-ทำการเกษตร แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไร คิดจะปลูกพืชเชิงเดี่ยว ก็ลงทุนมาก และต้องลงทุนกันตลอดไม่มีที่สิ้นสุด

กระทั่งวันหนึ่งนายจอมจันทร์ จันทร์ทอง ผู้ใหญ่บ้าน มาชวนไปดูงานที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง และได้รับความรู้จากนักปราชญ์ ที่บอกว่า “บนพื้นแผ่นดินทุกตารางเมตรเป็นเงินเป็นทอง” จึงได้นำความรู้ต่างๆ มาปฏิบัติ ปรับพื้นที่ขุดสระเก็บน้ำ ขุดบ่อเลี้ยงกบ เลี้ยงปลา ทั้งปลาจะละเม็ด ปลาเทโพ ปลาช่อน ปลาดุก ปลาสวาย ปลานิลจิตรลดา ทำสวนปลูกกล้วย มะพร้าว มะละกอ ฝรั่ง น้อยหน่า สะเดา มะนาว ละมุด ไผ่กิมซุง ชะอม ถั่วฝักยาว ทำนาข้าว โดยไม่ใช้สารเคมี แต่ใช้วิธีทำน้ำส้มควันไม้ไล่แมลง

นายสำรวยบอกว่า ตื่นเช้ามาเดินไปทางไหนก็มีแต่ของกิน เก็บพืชผักผลไม้ต่างๆ ไปขายในหมู่บ้าน ส่วนข้าวที่ปลูกตามธรรมชาติใช้วิธีหยอดข้างต้นกล้วยที่อยู่ข้างสระน้ำ เมื่อเก็บเกี่ยวได้ไม่ต้องอาศัยโรงสี แต่จะนำมาตีกับพื้นให้เมล็ดข้าวแตกออกจากรวง แล้วก็นำมาตำกินเอง

เกษตรผู้ซ่อนตัวบอกอีกว่า ทุกวันนี้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นจากเดิมมาก นอกจากไม่ต้องไปหาซื้อของกินของใช้ เพราะทุกวันก็กินของที่ปลูก และปลูกของที่กิน สารเคมีก็ไม่ได้ใช้ พื้นที่ส่วนไหนรกก็ปรับให้เป็นปุ๋ย

“ชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เพราะใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ นำแนวทางของพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ มาปฏิบัติหนี้สินก็ไม่มี สมัยก่อนมีคำคมว่าทำนาปี มีหนี้กับฟาง ทำนาปรังมีฟางกับหนี้ ซึ่งเมื่อก่อนตนก็ทำนา แต่พอปรับเปลี่ยนปลูกพืชให้หลากหลายก็อยู่ดีมีสุขมากว่า 10 ปี มีเงินเหลือ มีของกินของขาย ไม่เดือดร้อน ไม่ฟุ่มเฟือย อยู่แบบพอดีพอเพียง”

นายสำรวยบอกว่า รัก “ในหลวง” มาก พระองค์ได้ตรัสให้ประชาชนทำตาม แต่ไม่ค่อยมีใครปฏิบัติ ตนดูทีวีแล้วนำมาปฏิบัติ ในหลวงตรัสว่า “มีไฟอยู่ไม่ได้ มีน้ำอยู่ได้” ก็เลยขุดบ่อกักเก็บน้ำ เกษตรต้องมีน้ำ อยากให้ทุกคนได้ทำตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของ “พ่อหลวง” ซึ่งหากใครต้องการที่จะมาดูงานที่ไร่ของตนก็ยินดี

“ผมเป็นเกษตรซ่อนตัว ไม่ได้ประชาสัมพันธ์ตัวเอง ตอนนี้มีคนสนใจในวิธีตำข้าว และแนะนำให้ทำบรรจุภัณฑ์เพื่อขายข้าวตำไปสู่ตลาดด้วยเหมือนกัน”

นอกจากนี้ นายสำรวยยังได้สาธิตวิธีการตำข้าวไว้กินเอง โดยนำรวงข้าวที่เก็บเกี่ยวได้มามัดตีกับพื้น ได้ข้าวเปลือกก็ไปตำ-ฟัดและร่อนในกระด้ง จนเหลือแต่เมล็ดข้าวปลอดสารเคมีไว้กิน-ขายในหมู่บ้าน พร้อมพาเดินชมภายในสวนที่มีผลหมากรากไม้อยู่เต็มพื้นที่ มีบ่อเลี้ยงกบ-ปลา หน่อไม้ที่เพิ่งเก็บไปขาย และตามแนวต้นกล้วยข้างสระน้ำก็นำรวงข้าวที่ตีแล้ววางคลุมหน้าดินที่ปลูกต้นถั่วฝักยาวให้ดินมีความชุ่มชื้น เมื่อรดน้ำเมล็ดข้าวร่วงลงดินก็จะได้ผลผลิตเกิดขึ้นใหม่หมุนเวียนแบบนี้ไม่จบสิ้น

ส่วนที่บ่อเลี้ยงปลาธรรมชาติ ก็จะมีชาวบ้านนำเบ็ดมาตกปลา ชั่งกิโลขาย ปลาจะละเม็ดกิโลกรัมละ 60 บาท ปลาสวายกิโลกรัม 50 บาท








กำลังโหลดความคิดเห็น