ศูนย์ข่าวศรีราชา - หลายภาคส่วนพร้อมใจทำเพื่อพ่อหลวง ร.9 โดยวัดอุทยานนที อำเภอเมืองชลบุรี นำพระบรมฉายาลักษณ์ประดิษฐานบนหอระฆังสูงกว่า 20 เมตร ให้ประชาชนได้ถวายสักการะ ขณะที่ 2 หนุ่มชาวสวนเมืองตราด เดิน-วิ่ง จาก จ.ตราด มุ่งหน้าถวายบังคมพระบรมศพ ที่กรุงเทพฯ
วันนี้ (8 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับการบอกเล่าจากประชาชนในเขตตัวเมืองชลบุรีว่า วัดอุทยานนที ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลบ้านโขด อำเภอเมืองชลบุรี ได้นำพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาประดิษฐานบนหอระฆัง ที่มีความสูงกว่า 20 เมตร เพื่อให้ประชาชนได้ถวายสักการะ จนสร้างความประทับใจให้กับประชาชนที่พบเห็น จึงเดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบ
เมื่อไปถึงพบ พระมหาชาญวิทย์ จันทปัญโญ เจ้าอาวาสวัดอุทยานนที ซึ่งให้ข้อมูลว่าเนื่องจากจะหาบุคคลใดที่ดีพร้อมเหมือน ในหลวง ร.9 ไม่ได้อีกแล้ว ที่สำคัญพระองค์ยังมีพระเมตตาต่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่าอย่างแท้จริง โดยหลังจากพระองค์เสด็จสวรรคต ทางวัดและญาติโยม ได้ร่วมกันคิดว่าจะต้องนำพระบรมฉายาลักษณ์ ประดิษฐานไว้ ณ จุดที่สูงที่สุด ซึ่งก็คือหอระฆัง เพื่อให้ประชาชนทั่วไป ได้รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ ทั้งยังได้เตือนใจญาติโยมและประชาชนทั่วไปว่า นับจากนี้ไปเมื่อไม่มีในหลวง ร.9 แล้ว ก็ขอให้ยึดพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัส ใช้ในการดำเนินชีวิต ทั้งเรื่องความพอเพียงและการเป็นคนดีของบ้านเมืองต่อไป
ขณะที่ชาวบ้านที่อยู่โดยรอบบริเวณวัดอุทยานนที บอกว่า มีความรักต่อในหลวง ร.9 จึงตั้งใจว่าต่อจากนี้ไปจะทำความดีและทำบุญเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์
หนุ่มชาวสวน วิ่งจาก ตราด เข้ากรุงเทพฯ เพื่อร่วมถวายบังคมพระบรมศพ
นอกจากนั้น ผู้สื่อข่าวยังได้รับแจ้งว่า ในวันนี้นายธเนตร แก้วเล็ก อายุ 33 ปีชาวตำบลแสนตุ้ง จังหวัดตราด และนายพรพยนต์ ทองทวี อายุ 43 ปี ชาวสวนผลไม้ในจังหวัดตราด ซึ่งออกเดินเท้าและวิ่งจากหน้าศาลากลางจังหวัดตราด กำลังเข้ามาสู้อำเภอหนองใหญ่ และจะวิ่งผ่านอำเภอบ้านบึง, อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี ในระยะทางกว่า 50 กิโลเมตรเพื่อมุ่งหน้าเข้าจังหวัดฉะเชิงเทรา ก่อนเดินทางเข้ากรุงเทพมหานคร รวมระยะทางทั้งสิ้น 320กิโลเมตร โดยทั้ง 2 คนได้สะพายเป้ ที่มีพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ประดับอยู่
โดยผู้สื่อข่าวพบว่า ทั้งคู่กำลังวิ่งอยู่บนถนนท่ามกลางสภาพอากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนตลอดทาง โดยมีอาสาสมัครกู้ภัย จังหวัดชลบุรี ขับรถติดตามดูแลตลอดเส้นทาง
นายธเนตร กล่าวว่าตนมีดีกรีเป็นอดีตแชมป์วิ่ง ประเภท 500 ไมล์ ที่ประเทศสิงคโปร์ ก่อนผลิกผันชีวิตมาทำสวนผลไม้ ซึ่งหลังทราบข่าวในหลวง ร.9 สวรรคต จึงเกิดความเศร้าโศกและหมดกำลังใจ จึงตั้งใจที่จะวิ่งและเดินอย่างน้อยวันละไม่ต่ำกว่า 50 กิโลเมตร เพื่อเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ ร่วมกับประชาชนทั่งประเทศ และคาดว่าจะถึงกรุงเทพมหานคร ในวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้
