อุบลราชธานี - ชาวบ้านสองตำบลในอำเภอวารินชำราบ อุบลราชธานี ซึ่งถูกนายทุนออกโฉนดทับที่ทำกินเมื่อกว่า 40 ปีก่อน และต่อสู้กันมาตลอด ร้องศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดให้หยุดการบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินไว้ก่อน เพราะอยู่ระหว่างตรวจสอบของคณะทำงานจังหวัด หลังดีเอสไอพบการออกโฉนดมีสิ่งผิดปกติกว่า 180 ไร่
วันนี้ (7 พ.ย.) ที่ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี นางหนูเดือน แก้วบัวขาว ผู้ประสานงานเครือข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรูปสังคมและการเมือง จ.อุบลราชธานี (คปสม.) พร้อมชาวบ้านตำบลหนองกินเพล และตำบลบุ่งหวาย อ.วารินชำราบ จำนวน 6 ราย รวมกว่า 180 ไร่ที่ได้รับความเดือดร้อนจากนายทุนออกโฉนดทับที่ดินทำกิน เข้ายื่นหนังสือต่อนายไพฑูรย์ พรหมสอน ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุบลราชธานี ขอให้สำนักงานบังคับคดี จังหวัดอุบลราชธานี หยุดการนำที่ดินของนางทองสา มาเลิศ อายุ 53 ปี ชาวบ้านทุ่งบอน หมู่ 16 ต.บุ่งหวาย พื้นที่ 18 ไร่ หนึ่งในผู้ถูกออกโฉนดทับที่ทำกินออกขายทอดตลาด เนื่องจากจังหวัดได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบการออกโฉนดของนายทุนทับที่ทำกินของชาวบ้าน และสำนักงานที่ดินอำเภอวารินชำราบ ได้นัดทำการรังวัดมีการทับซ้อนกันจริงหรือไม่ในเดือนกันยายน 2560 แต่ชาวบ้านได้ถูกนายทุนฟ้องขับไล่ พร้อมบังคับยึดทรัพย์ออกขายทอดตลาด จึงไม่เป็นธรรมกับชาวบ้านทั้งหมด จึงมาร้องขอความช่วยเหลือให้หยุดการบังคับคดีนำที่ดินออกขายทอดตลาดในวันที่ 11 พ.ย.2559 ไว้ก่อน
ต่อมานายพลัฐ หิรัญสิริสมบัติ ผู้อำนวยการสำนักงานบังคับคดีจังหวัดอุบลราชธานี ได้มาพบกับกลุ่มชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน พร้อมแนะนำให้นางทองสาที่กำลังถูกบังคับเป็นรายแรกเขียนคำร้องคัดค้านการนำที่ดินออกขายทอดตลาด พร้อมยื่นคำร้องต่อศาลของดการบังคับคดีจนกว่าการตรวจสอบเอกสารสิทธิ ตามที่จังหวัดมีการตั้งคณะกรรมการมาตรวจสอบจะเสร็จเรียบร้อยในปีหน้าซึ่งชาวบ้านพอใจจึงพากันไปทำตามคำแนะนำเพื่อยื่นเรื่องต่อสู้กับนายทุนที่ออกโฉนดทับที่ดินทำกินรายนี้ต่อไป
สำหรับกรณีพิพากษ์เรื่องที่ดินทำกินของชาวบ้านตำบลหนองกินเพล และตำบลบุ่งหวาย อ.วารินชำราบ ได้ต่อสู้กับนายทุนที่ออกโฉนดทับที่ดินทำกินเมื่อกว่า 40 ปีก่อนมาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้รับเรื่องและตรวจพบความผิดปกติในการออกโฉนด จึงแจ้งให้จังหวัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบแนวเขตที่ดินดังกล่าวอีกครั้ง