กาญจนบุรี - หัวหน้า อช.เขื่อนศรีนครินทร์ เผยแก๊งมอดไม้หัวใสฉวยโอกาสช่วงฤดูฝนลักลอบตัดไม้ในช่วงกลางคืน ก่อนแปรรูปปลูกบ้านตบตาเจ้าหน้าที่ พร้อมใช้ผู้หญิงเป็นโล่กำบัง หาก จนท.เข้าตรวจยึด เผยพื้นที่ป่าบ้านองหลุ ตำบลนาสวน ลาดตระเวนได้ทางเรือเท่านั้น พร้อมแนะประชาชน และผู้นำท้องถิ่น นำแนวทางพระราชดำริปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาดำเนินชีวิต หากยังหวงแหนป่าต้นน้ำในพื้นที่
ความคืบหน้ากรณี นายฐิติ โสมภีร์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี นำกำลังเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ร้อย รส.ที่ 1 ร.9 พัน.1 กองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ กำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอศรีสวัสดิ์ กระจายกำลังเข้าตรวจค้นบ้านองหลุ หมู่ 3 ต.นาสวน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ยึดไม้กะยาเลย เช่น ไม้มะค่าโมงแปรรูป ไม้ประดู่แปรรูป ได้เป็นจำนวนมาก จากนั้นขนย้ายด้วยการเช่าเรือขนานยนต์ข้ามอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ นำมาเก็บรักษาที่่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ที่ ศร.10 (องสิต) พร้อมทำการตรวจวัดเพื่อหาปริมาตร และคำนวณราคาที่ภาครัฐเสียหาย โดยเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นช่วงเช้าของวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา
ล่าสุด เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (4 พ.ย.) นายฐิติ โสมภีร์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ เปิดเผยว่า อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ปฏิบัติตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 64/2557 ลง วันที่ 14 มิถุนายน พุทธศักราช 2557 เรื่อง การปราบปรามและหยุดยั้งการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้อย่างเข้มข้นมาโดยตลอด ที่ผ่านมา สามารถจับกุมขบวนการลักลอบตัดไปทำลายป่า พร้อมทั้งจับกุมขบวนการรุกที่อุทยานฯ เพื่อนำไปปลูกพืชทางการเกษตร รวมทั้งสร้างรีสอร์ตมาอย่างต่อเนื่อง โดยทางอุทยานฯ ได้ดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์เอาไว้ที่ สภ.ศรีสวัสดิ์ เอาไว้แล้วหลายคดี
สำหรับไม้กะยาเลยแปรรูปที่ตรวจยึดได้ที่บ้านองหลุ หมู่ 3 ต.นาสวน ในครั้งนี้ ถือว่ามีจำนวนมากที่สุด เชื่อว่ามีกลุ่มนายทุนรายใหญ่อยู่เบื้องหลัง เพราะลำพังชาวบ้านเองคงไม่สามารถกระทำเองได้หากไม่ได้รับการสนับสนุน
จากพฤติกรรมพบว่า ขบวนการดังกล่าวจะนำไม้แปรรูปที่มีทั้งไม้ปูพื้น ไม้ฝาบ้าน และเสาบ้าน มาสร้างบ้านเป็นหลัง ด้วยการตีตะปูยึดให้แน่นแล้วพับหัวตะปูเอาไว้ เพื่อง่ายต่อการที่จะรื้อถอน เมื่อมีนายทุนมาซื้อ บางรายนำไม้ไปฝังไว้ใต้ดิน รวมทั้งตามไร่ข้าวโพด แล่นำไปแช่ในลำห้วย ทั้งหมดเป็นเป็นการกระทำที่ต้องการตบตาเจ้าหน้าที่ และที่สำคัญเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจค้นและสามารถยึดของกลางได้ จะมีการจ้างวานชาวบ้านซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงมาเป็นโล่กำบัง ด้วยการเข้ามาปิดล้อม ข่มขู่ และกดดันเจ้าหน้าที่ ดังเช่นที่เราเจอสถานการณ์เหมือนวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา
จากสภาพของไม้คาดว่าผู้กระทำผิดจะลักลอบเข้าป่าไปตัดไม้ในช่วงฤดูฝน เนื่องจากทราบดีว่า กำลังเจ้าหน้าที่ของเราคงเดินลาดตระเวนไปไม่ถึง เพราะฝนตกหนักตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะการลักลอบตัดไม้ในช่วงเวลากลางคืน อีกทั้งหมู่บ้านดังกล่าวยังอยู่ในพื้นที่ที่ห่างไกล การลาดตระเวนจะต้องลาดตระเวนทางน้ำเท่านั้น เนื่องจากไม่สามารถใช้รถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อได้ และทุกครั้งกลุ่มผู้กระทำผิดจะไหวตัวหลบหนีไปได้ทุกทีไป
ที่สำคัญหากชาวบ้านในพื้นที่ รวมทั้งผู้นำท้องถิ่นรู้เห็นเป็นใจต่อกลุ่มนายทุนด้วย จะทำให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานได้ยากยิ่งขึ้น แต่ถ้าหากประชาชนในพื้นที่ และผู้นำท้องถิ่นมีความหวงแหนในทรัพยากรป่าไม้ที่เป็นจุดกำเนิดของป่าต้นน้ำ และมีจิตใจที่จะดำเนินชีวิตตามแนวพระราชดำริ น้อมนำแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อชีวิตประจำวัน เชื่อว่าการตัดไม้ทำลายป่าที่เป็นสมบัติของชาติ ของแผ่นดินคงจะลดน้อยลงอย่างแน่นอน
โดยไม้กะยาเลยแปรรูปที่ตรวจยึดได้ไนครั้งนี้ มีปริมาตรรวมกันมากถึงประมาณ 15 ลูกบาศก์เมตร เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับราคาในท้องตลาดแล้วคาดว่าจะมีมูลค่ามากกว่า 1 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เวลา 11.00 น.เจ้าหน้าที่ของเรากำลังดำเนินการตรวจวัดความหนา ความกว้าง และความยาวของไม้แต่ละชิ้นอยู่ คาดว่าอีกไม่นานก็คงจะแล้วเสร็จ
หลังจากดำเนินการแล้วเสร็จ เจ้าหน้าที่จะทำบันทึกรายละเอียดพร้อมรวบรวมหลักฐานที่มีอยู่ทั้งหมด ไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.ศรีสวัสดิ์ ให้เร็วที่สุด และเชื่อว่าหลักฐานที่มีเจ้าหน้าที่จะสามารถติดตามจับกุมกลุ่มผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้อย่างแน่นอน