ฉะเชิงเทรา - ชาวจังหวัดฉะเชิงเทรา จัดพิธีจุดเทียนแสดงความอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ในวัดประจำรัชกาลที่ 9 พระอารามหลวง ที่วัดโสธรวรารามวรวิหาร ท่ามกลางข้าราชการ และประชาชนจำนวนมากที่ต่างพากันเดินทางมาร่วมพิธีอย่างล้นหลาม จนเต็มแน่นกำแพงแก้วของพระอุโบสถหลังใหญ่
วันนี้ (26 ต.ค.) เมื่อเวลา 18.30 น. ที่บริเวณวัดโสธรวรารามวรวิหาร อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา นายอนุกูล ตังคณานุกูลชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมด้วยมูลนิธิสว่างศรัทธาธรรมสถานฉะเชิงเทรา และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันจัดพิธีนำประชาชนชาวจังหวัดฉะเชิงเทรา มาร่วมกันจุดเทียนแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
พร้อมร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ภายในบริเวณพระอุโบสถหลังใหม่ วัดโสธรวรารามวรวิหาร พระอารามหลวง และถือเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 9 โดยมีประชาชนชาวจังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวนมากต่างพากันเดินทางมาร่วมพิธีจุดเทียนน้อมเกล้าแสดงความอาลัยส่งเสด็จฯ และร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีกันอย่างคับคั่งจนเต็มแน่นภายในบริเวณรั้วกำแพงแก้วของพระอุโบสถหลังใหญ่
ซึ่งในการจัดพิธีวันนี้ ทางมูลนิธิสว่างศรัทธาธรรมสถานฉะเชิงเทรา ได้มีการจัดพิมพ์พระบรมฉายาลักษณ์ เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเสด็จมาปิดทององค์หลวงพ่อพุทธโสธร เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.2509 ภายในพระอุโบสถหลังเก่า ที่ได้นำมาพิมพ์ขยายให้เป็นภาพขนาดใหญ่เท่ากับแผ่นกระดาษ A3 มาแจกจ่ายให้แก่ประชาชนชาวจังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวนมากถึง 15,000 ภาพ เพื่อให้พสกนิกรที่เดินทางมาร่วมพิธีในวันนี้ได้มีพระบรมฉายาลักษณ์ถือติดมือ และชูขึ้นเหนือศีรษะกันได้อย่างถ้วนหน้า และเก็บไว้เป็นที่สักการบูชาประจำบ้าน ซึ่งถือเป็นพิธีการจุดเทียนน้อมเกล้าแสดงความอาลัยส่งเสด็จฯ อย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่งของชาว จ.ฉะเชิงเทรา
ขณะเดียวกัน น.ส.มะลิวัลย์ ศิริวรรณ ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ได้กล่าวถึงความสำคัญของพระบรมฉายาลักษณ์ที่ถูกนำมาพิมพ์ และแจกจ่ายให้แก่ประชาชนฟรีในวันนี้ว่า วัดโสธรวรารามวรวิหาร แห่งนี้ ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ยกขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ.2501 จึงถือเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 9 ที่พระองค์ทรงมีพระราชดำริให้มีการก่อสร้างขยายพระอุโบสถหลังใหม่ หลังจากพระองค์ท่านทรงเสด็จพระราชดำเนินมาทรงบำเพ็ญพระราชกุศลในวันวิสาขบูชา และปิดทององค์หลวงพ่อพระพุทธโสธร เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.2509 แล้วทรงมีพระราชปรารภเรื่องความคับแคบของพระอุโบสถหลังเดิมที่มีขนาดเล็กเกินไป ไม่เหมาะสมต่อการประดิษฐานองค์หลวงพ่อโสธร ซึ่งเป็นพระศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง และถูกนำมาประดิษฐานรวมกับพระพุทธรูป อื่นๆ อีก 18 องค์
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นองค์ประธานการสร้าง และทรงเป็นผู้กำกับดูแลงานสร้างพระอุโบสถหลังใหม่จนแล้วเสร็จ โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อปี พ.ศ.2531 และทรงประกอบพิธียกยอดฉัตรทองคำน้ำหนัก 77 กิโลกรัม ประดิษฐานเหนือยอดมณฑป เมื่อวันที่ 5 กันยายน พ.ศ.2539 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จมาทรงตัดหวายลูกนิมิต เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ.2549