จันทบุรี - หญิงชาวจันทบุรี วัย 50 ปี น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพ่อหลวงมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ทำให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ทองใส สมศรี อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37 หมู่ที่ 3 ตำบลตะปอน อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี ได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพ่อหลวงมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน โดยเริ่มทำการเกษตรมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2548 จากอดีตเคยทำเกษตรเคมี แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ และยิ่งทำให้มีปัญหาหนี้สินตามมา
จนได้ลองผิดลองถูกมาจนกระทั่งเริ่มหันมาทำการเกษตรแบบอินทรีย์ ดำเนินชีวิตแบบพอเพียงและน้อมนำเอาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาปรับใช้ โดยเริ่มจากการหาความรู้เข้าอบรมตามโครงการพระราชดำริ แล้วนำกลับมาปฏิบัติ
โดยทำการปลูกพืชหลายอย่าง ทั้งทำนา ทำสวน ปลูกผัก ผลไม้ และเลี้ยงสัตว์ ซึ่งทำให้ประสบผลสำเร็จจนถึงปัจจุบัน ซึ่งผลผลิตที่ได้แต่ละอย่างก็นำมากินมาใช้กันในครอบครัว ทั้งยังมีแบ่งปันให้แก่เพื่อนบ้านได้อีกด้วย ส่วนที่เหลือก็เก็บขายสร้างรายได้ ในปีที่ประสบปัญหาภัยแล้ง สวนผลไม้เก็บผลผลิตขายได้น้อย ก็ยังโชคดีที่มีข้าวในนา มีผักในสวน ช่วยทำให้สามารถผ่านสถานการณ์ที่ลำบากมาได้
ทั้งนี้ สวนผลไม้ของ น.ส.ทองใส สมศรี มีการปลูกเงาะ ทุเรียน มังคุด เนื้อที่ 10 ไร่ ทำนาปลูกข้าว เนื้อที่ 60 ไร่ ปลูกพืชหมุนเวียน ในเนื้อที่ 2 ไร่ ซึ่งแตงกวา ที่ปลูกอยู่ตอนนี้สามารถเก็บผลผลิตขายได้ประมาณครั้งละ 1 ตัน ซึ่งจะเก็บได้ทุกๆ 2 วัน (วันเว้นวัน) ขายส่งกิโลกรัมละ 12 บาท รายได้ในการขายแตงกวาครั้งละประมาณ 5,000 บาท
น.ส.ทองใส สมศรี ชาวบ้านที่นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพ่อหลวงมาใช้ กล่าวว่า แต่ก่อนตนเองทำเกษตรโดยการใช้สารเคมี แต่ทำให้รายได้ไม่ดีจึงได้หันมาใช้การทำเกษตรอินทรีย์ดู โดยได้ลองทำกันในครอบครัวก่อนทำให้เริ่มได้ผล จากนั้นมาก็นำความรู้ที่ไปศึกษาตามโครงการพระราชดำริของพ่อหลวงนำมาถ่ายทอดให้แก่ชาวบ้าน
เริ่มแรกก็ยังไม่มีใครยอมรับ จนปัจจุบันหลังจากที่ตนเองทำมาโดยตลอดก็ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น และทำให้ชาวบ้านเริ่มมายอมรับ และหันมาทำเกษตรอินทรีย์อย่างเช่นตนเอง ทั้งนี้ ตนเองซาบซึ้งแนวเศรษฐกิจพอเพียงของพ่อหลวงเป็นอย่างมาก ที่ทำให้ชีวิต และครอบครัวของตนเองมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นดังกล่าว