บุรีรัมย์- ตัวแทนกลุ่มเกษตรกรหมู่บ้านโคกขมิ้น อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิอดุลยเดช เคยเสด็จและพระราชทานความช่วยเหลือแหล่งน้ำเมื่อปี 2522 ร่วมแสดงความอาลัยและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พร้อมน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงปรับใช้ในการดำเนินชีวิต ตอบแทนคุณแผ่นดิน
วันนี้ (18 ต.ค.) นายไพบูลย์ ซารัมย์ เกษตรอำเภอกระสัง จ.บุรีรัมย์ พร้อมตัวแทนเกษตรกรกร 5 กลุ่ม มีกลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่ กลุ่มเลี้ยงโคขุน กลุ่มปลูกไม้ผล กลุ่มข้าวหอมมะลิอินทรีย์ และกลุ่มศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง บ้านโคกขมิ้น ม.4 ต.หนองเต็ง อ.กระสัง ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เคยเสด็จเยี่ยมทุกข์สุขเมื่อปี 2522 และพระราชทานความช่วยเหลือเรื่องการพัฒนาอ่างเก็บน้ำหนองกุดใหญ่ โดยครั้งนั้น ได้มีนายตี นะเรศรัมย์ อายุ 67 ปี ได้เข้าเฝ้าฯ รับเสด็จอย่างใกล้ชิด หลังจากพระองค์เสด็จฯ ทำให้ประชาชนมีน้ำอุปโภคบริโภคและน้ำในการทำการเกษตรมาจนถึงปัจจุบันนั้น ได้ร่วมกันยืนสงบนิ่งตั้งจิตอธิษฐานต่อเบื้องพระบรมฉายาลักษณ์ ทั้งนี้ เพื่อแสดงความไว้อาลัยและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทยมาตลอด พร้อมจะร่วมกันน้อมนำพระราชดำริตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิตทั้งในปัจจุบันและอนาคตจนกว่าชีวิตจะหาไม่
นายไพบูลย์ ซารัมย์ เกษตรอำเภอกระสัง กล่าวว่า หลังจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสวรรคต ได้พากลุ่มเกษตรกรที่เคยได้รับพระราชทานความช่วยเหลือแหล่งน้ำอุปโภคบริโภคและน้ำทำการเกษตร สามารถประกอบอาชีพได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นร่วมแสดงความอาลัยและและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ พร้อมจะร่วมกันน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปปรับใช้ในการประกอบอาชีพและดำเนินชีวิตตลอดไปด้วย
ด้านนายวีระชัย จิตเย็น ผู้ใหญ่บ้านโคกขมิ้น กล่าวว่า รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อย่างหาที่สุดมิได้ เพราะพระองค์ทรงงานด้วยความเหน็ดเหนื่อยเพื่อพสกนิกรชาวไทยมาตลอด และราษฎรบ้านโคกขมิ้นเองเคยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระองค์ ทำให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นจนถึงปัจจุบัน เพื่อเป็นการตอบแทนในพระมหากรุณาธิคุณจะร่วมกันทำความดี และใช้ชีวิตแบบพอเพียงตามคำสอนของพระองค์จนกว่าจะหมดลมหายใจ
