เลย - ลูกชายอดีตควาญช้าง 2 เชือกที่ “พระเจ้าอยู่หัว-พระราชินี” ใช้เป็นพาหนะทอดพระเนตรความสวยงามธรรมชาติบนภูกระดึงในปี 2498 เผยเป็นสิริมงคลสูงสุดในชีวิตของวงศ์ตระกูลที่ได้มีโอกาสถวายงาน พ่อใช้เวลาพาช้างเดินขึ้นภูกระดึง 2 วันเพื่อรอรับเสด็จฯ
พระราชกรณียกิจสำคัญในการเสด็จพระราชดำเนินของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เยี่ยมราษฎรภาคอีสาน ระหว่างวันที่ 2-20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2498 โดยเสด็จพระราชดำเนินในพื้นที่จังหวัดเลย ระหว่างวันที่ 6-7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2498
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ โดยเฮลิคอปเตอร์ จากจากจังหวัดขอนแก่นไปถึงภูกระดึงจุดแรก เพื่อทอดพระเนตรทัศนียภาพอันสวยงามของอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ในระหว่างที่เสด็จบนภูกระดึงครั้งนั้น ทางกรมป่าไม้และจังหวัดเลยได้นำช้างสองเชือกมาถวายเป็นพระราชพาหนะ โดยคัดเลือกช้างของนายทองหนัก สุวรรณสิงห์ ประธานสภาจังหวัดเลยในขณะนั้นปัจจุบันได้เสียชีวิตไปแล้ว
นายทนง สุวรรณสิงห์ บุตรชายคนสุดท้องของนายทองหนัก ปัจจุบันเป็นข้าราชการบำนาญ สำนักงานจังหวัดเลย และเป็นประธานชมรมคนรักในหลวงจังหวัดเลย เล่าว่า เมื่อครั้งทั้งสองพระองค์เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรจังหวัดเลยเป็นครั้งแรก ตนอายุเพียง 5 ขวบ พ่อเล่าว่าระหว่างเตรียมการรับเสด็จฯ ทางกรมป่าไม้ได้ติดต่อมาที่จังหวัดเลยให้คัดเลือกช้างขึ้นไปถวายเป็นพระราชพาหนะบนภูกระดึง พ่อของตนในขณะนั้นมีช้างอยู่หลายเชือก เพราะมีอาชีพรับจ้างชักลากไม้ด้วยจึงได้รับการคัดเลือก
“ก่อนจะเดินทางไปภูกระดึง พ่อบอกว่าต้องนำช้างมาเดินหน้าศาลากลางท่ามกลางผู้คนมากมายเพื่อคัดเลือกเอาช้างเชือกที่ไม่ตื่นกลัว 2 เชือก เป็นการฝึกให้ช้างคุ้นกับคน และสามารถถวายงานในหลวงและพระราชินีได้” นายทนงกล่าว และเล่าต่อว่า ผ้าปูรองประทับบนหลังช้าง แม่ของตนก็เป็นคนทำเอง เพราะเรียนจบด้านเย็บปักถักร้อยจากพระนครมา หลังจากนั้นพ่อของตนและผู้ดูแลช้างทั้งหมด 5 คนได้พาช้างเดินทางขึ้นไปที่ภูกระดึง ใช้เวลา 2 วันจึงเดินขึ้นถึงหลังแป โดยขึ้นทางผาหมากดูก เพราะทางคนเดินปกติที่ใช้อยู่แล้วเป็นหุบเหวลาดชันมาก ซึ่งในบางช่วงเวลาช้างก็ได้ใช้งวงพันต้นไม้แล้วตึงตัวขึ้นไป เป็นความยากลำบาก แต่ช้างทั้งสองเชือกก็สามารถทำได้
ในวันรับเสด็จฯ พ่อของตนได้ทำหน้าที่เป็นควาญช้างและมีผู้ทำหน้าที่เท้าช้างอีกสองคนเดินควบคุมช้างอยู่ด้านล่าง ได้เตรียมช้างไปสองเชือกเพื่อให้ทั้งสองพระองค์แยกกันประทับพระองค์ละเชือก แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชประสงค์ให้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มาประทับด้วยกัน ซึ่งช้างที่ทรงประทับชื่อ “พลายคำหมื่น”
หลังเสร็จสิ้นการเสด็จพระราชดำเนินบนภูกระดึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานเหรียญที่ระลึกให้แก่ข้าราชบริพาร โดยพ่อของตนก็ได้รับพระราชทานด้วย
การเสด็จพระราชดำเนินของทั้งสองพระองค์ครั้งนั้น นับเป็นสิริมงคลสูงสุดในชีวิติของครอบครัววงศ์ตระกูลของตน สุดปลาบปลื้มหาที่สุดมิได้ และเป็นสิ่งปลูกฝังให้ตนจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เรื่อยมา และขอตั้งจิตนำพระราชดำรัสคำสอนของพระองค์มาใช้ในการดำเนินชีวิต และจะจดจำพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านไว้ตราบชีวิตจะหาไม่