ราชบุรี - เด็กชายเมืองราชบุรี 14 ปี ผู้ที่เคยเขียนจดหมายถวายฎีกาขอพระราชทาน “ในหลวง” ช่วยรักษาพ่อบุญธรรมที่มีอาการป่วยเป็นแผลที่ขา และตามองไม่ค่อยเห็น จนชีวิตดีขึ้น เผยเสียใจมาก และไม่คิดว่าจะมีวันนี้ เมื่อทราบข่าว “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ” สวรรคต และยังไม่ได้ตอบแทนพระคุณพระองค์ท่านเลย
ด.ช.นที หรือน้องโอ บุญยสุขานนท์ อายุ 14 ปี อยู่บ้านเลขที่ 109/1 หมู่ 3 ต.พงสวาย อ.เมือง จ.ราชบุรี ได้เขียนจดหมายถวายฎีกาถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อขอให้ช่วยรักษานายไพโรจน์ วารวร อายุ 60 ปี พ่อบุญธรรม เนื่องจากมีอาการป่วยเป็นแผลที่ขา และตามองไม่ค่อยเห็น โดยเขียนเมื่อตอนที่ ด.ช.นที เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนวัดท้ายเมือง ต.พงสวาย อ.เมือง จ.ราชบุรี และทางสำนักพระราชวัง ได้มีหนังสือตอบรับกลับมา จากนั้นได้มารับตัวนายไพโรจน์ ไปรักษา ซึ่งถือเป็นความปลื้มปีติ และเป็นพระมหากรุณาธิคุณของครอบครัวอย่างหาที่สุดมิได้ ซึ่งในวันที่เขียนจดหมายถวายฎีกา คือวันที่ 2 มิถุนายน 2552 จนถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 8 ปีแล้ว ตอนนี้ ด.ช.นที เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล 1 วัดสัตตนารถ เขตเทศบาลเมืองราชบุรี
ด.ช.นที หรือน้องโอ บุญยสุขานนท์ กล่าวว่า ตอนนั้นตนอายุ 7 ขวบ นั่งดูโทรทัศน์แล้วเห็นในหลวง แต่ยังไม่รู้จักก็เลยถามแม่ว่าคือใคร แม่ก็บอกว่าพระองค์ท่านท่านคือ เทวดา พระองค์ท่านช่วยเหลือคนมากมาย จึงทำให้คิดว่าเมื่อพระองค์ท่านเป็นเทวดาก็น่าจะช่วยรักษาพ่อได้ จึงได้เขียนจดหมายไปหา โดยเขียนแบบเด็กๆ เขียนด้วยดินสอ และไม่คิดว่าจะได้รับหนังสือตอบกลับ ซึ่งหลังเขียนเสร็จก็ไม่ได้บอกใคร และเมื่อพ่อขี่จักรยานมารับเพื่อไปช่วยพ่อขนผักที่ตลาด ก็แอบเดินไปส่งจดหมายที่ไปรษณีย์ โดยบอกว่าจะไปซื้อขนม
หลังจากนั้นอีกไม่นาน ก็มีหนังสือตอบรับกลับมาจากสำนักพระราชวัง ซึ่งแม่เป็นคนรับไว้ ตอนนั้นก็รู้สึกดีใจที่จะมีคนมารักษาพ่อ ทำให้พ่อไม่เสียชีวิต หลังจากนั้นประมาณ 2 อาทิตย์ ก็มารับพ่อไปรักษา ซึ่งท่านได้ช่วยทำให้ชีวิตครอบครัวของตนดีขึ้นมา และยังให้ทุนการศึกษาเดือนละ 1,000 บาทแก่ตนด้วย และถ้าอยากได้อะไรก็ให้เขียนจดหมายไปขอได้ แต่ตนก็ไม่เคยเขียนไปเพราะสิ่งที่ท่านให้มานั้นเยอะมากแล้ว
เมื่อทราบข่าวว่าพระองค์ท่านสวรรคต ก็รู้สึกเสียใจมากไม่คิดว่าจะมีวันนี้ เพราะตนยังไม่ได้ตอบแทนพระองค์ท่านเลยที่พระองค์ท่านได้ช่วยครอบครัวตน ทุกวันนี้ได้น้อมนำเรื่องของเศรษฐกิจพอพียงมาใช้ในชีวิตประจำวัน โดยการประหยัด ไม่ฟุ่มเฟือย ตั้งใจเรียน ซึ่งผลการเรียนนั้นเกรดเฉลี่ยอยู่ประมาณ 3 กว่า รวมทั้งเป็นคนดี และตนตั้งใจว่าอยากจะเป็นทหารรักษาพระองค์ ไม่คิดว่าพระองค์ท่านจะสวรรคตก่อน อยากตอบแทนพระองค์ท่าน และถึงแม้ว่าพระองค์ท่านจะสวรรคตแล้วก็ยังอยากจะเป็นทหารรักษาพระองค์อยู่
นางเพ็ญรุ่ง บุญยสุขานนท์ อายุ 51 ปี แม่ของ ด.ช.นที กล่าวถึงความรู้สึกว่า ตอนแรกไม่รู้ว่าลูกเขียนจดหมายไป จนวันที่ได้รับจดหมายจากสำนักพระราชวัง ก็ไม่กล้าเปิดเพราะกลัวจึงได้ให้พี่สาวเปิดอ่าน จึงได้รู้ว่าลูกชายเขียนจดหมายไป จึงได้ถามลูกว่าเขียนอะไรไป ลูกก็บอกว่าเขียนไปให้ท่านมาช่วยรักษาพ่อ เพราะแม่บอกว่าท่านเป็นเทวดาก็ต้องรักษาพ่อโอได้ หลังจากนั้น ก็มีคนมารับไปที่วัง และเขาก็บอกว่าต่อไปทางครอบครัวจะได้รับความกรุณาจากพระองค์ท่านนะ พระองค์ท่านจะพระราชทานทุนการศึกษา และรับอุปการะ ซึ่งตอนนั้นไม่รู้ว่าจะพูดยังไงเพราะแค่จดหมายฉบับเดียวพระองค์ท่านยังเมตตาขนาดนี้ เมื่อทราบข่าวว่าพระองค์ท่านสวรรคตก็รู้สึกเสียใจมาก เพราะคิดไว้ว่าเมื่อลูกโตขึ้นจะให้ไปรับใช้พระองค์ท่าน แต่พระองค์ท่านก็มาสวรรคตไปเสียก่อน และได้ตั้งปณิธานไว้ว่าจะเป็นคนดี และจะสวดมนต์ภาวนาให้พระองค์ท่านตลอด ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทำได้
ภายหลังที่ครอบครัวบุญยสุขานนท์ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระบรมโกศ แล้ว ทางหน่วยงานของกาชาดจังหวัดราชบุรี ได้เข้าไปทำการสร้างบ้านให้แก่ครอบครัวทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น ซึ่งทุกวันนี้ นางเพ็ญรุ่ง บุญยสุขานนท์ แม่ของ ด.ช.นที ก็มีอาชีพขายไอศกรีม พอมีรายได้เลี้ยงดูครอบครัวได้ ส่วนนายไพโรจน์ วารวร ซึ่งเป็นพ่อบุญธรรมของ ด.ช.นที ก็อยู่ในความดูแลของแพทย์ที่โรงพยาบาลศิริราช และโรงพยาบาลรามาธิบดี โดยพักที่บ้านพักราชินี ซึ่งอยู่ใกล้กับ สน.ดุสิต