มุกดาหาร - ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร นำกองกำลังผสม 3 ฝ่าย แถลงผลจับกุม 4 คนร้าย ร่วมทีมอุ้มปล้นเสี่ยเจ้าของสวนยางอุกอาจ แฉเป็นทหาร 2 นาย พลเรือน 2 คน หลังก่อเหตุ 5 วัน ชุดสืบสวนแกะรอยพร้อมติดตามเงินสดคืนได้เกือบ 7 แสนบาท แต่ยังปิดปากซัดทอดคนบงการ ตำรวจเร่งขยายผล
จากกรณีคนร้าย 4 คน เป็นชายฉกรรจ์ แต่งกายคล้ายทหาร 4 คน ขับรถเก๋งสีดำ ตามประกบรถนายไพศาล อุคำ อายุ 45 ปี บ้านเลขที่ 19/20 หมู่ที่ 6 ตำบลกกแดง อำเภอนิคมคำสร้อย จังหวัดมุกหาหาร ปล้นเงินไป จำนวน 2 ล้านบาท โดยเหตุเกิดที่ถนนสายบ้านคำบง-ม่วงไข่ หมู่ที่ 4 ตำบลโชคชัย อำเภอนิคมคำสร้อย จังหวัดมุกดาหาร ต่อเนื่องถนนรอบวนอุทยานแห่งชาติภูหมู หมู่ที่ 5 ซึ่งห่างจากสถานีตำรวจนิคมคำสร้อย เพียง 500 เมตร ซึ่งตำรวจสามารถจับกุมตัว 2 คนร้าย ซึ่งแต่งเป็นทหาร และทราบว่าเป็นทหารสังกัดกองพันทหารช่างเครื่องมือพิเศษ ค่ายบุรฉัตร จังหวัดราชบุรี ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด วันนี้ (13ต.ค.) ที่สถานีตำรวจภูธรนิคมคำสร้อย จังหวัดมุกดาหาร นายสรสิทธิ์ ฤทธิ์สรไกร ผวจ.มุกดาหาร พล.ต.ต.อภิชิต เทียนเพิ่มพูล รรท.ผบก.ภ.จว.มุกดาหาร พ.อ.ยุทธนา มหาวัน รอง ผบ.กกล.รส.จว.มุกดาหาร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงผลการจับกุมตัว จ.ส.อ.สถิตย์ เกตุอุดม อายุ 36 ปี สังกัดกองพันทหารช่าง คมศ.จว.ราชบุรี จ.ส.ต.ศุภณัฏฐ์ สงศิริวรานนท์ อายุ 29 ปี สังกัดกองพันทหารช่าง คมศ จว.ราชบุรี นายสมหมาย โพธิ์งาม อายุ 48 ปี ชาวอำเภอเลิงนกทา จ.ยโสธร และนายอรุณ นำเพ็ญ อายุ 32 ปี ชาวอำเภอคำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร พร้อมของกลางรถยนต์เก๋งฮอนด้า ซีวิค สีดำ ที่ใช้ก่อเหตุ 1 คัน เสื้อผ้าลายพรางทหาร หมวกที่ใส่ในวันเกิดเหตุ และเงินสด จำนวน 640,000 บาท
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 12ตุลาคม 2559 ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร สามารถจับกุมตัว จ.ส.อ.สถิตย์ เกตุอุดม และ จ.ส.ต.ศุภณัฏฐ์ สงศิริวรานนท์ ได้ตามหมายจับที่มีผู้แจ้งเบาะแส โดยประสานกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดมุกดาหาร ไปควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนภายในค่ายบุรฉัตร จังหวัดราชบุรี
จากนั้นในช่วงค่ำวันเดียวกัน ผู้ต้องหาอีก 2 คน คือ นายสมหมาย โพธิ์งาม และนายอรุณ นำเพ็ญ ถูกสายสืบตามแกะรอยจนสามารถจับกุมตัวได้ที่บ้านหัวสะพาน อำเภอหัวสะพาน จังหวัดอำนาจเจริญ พร้อมเงินสด 640,000 บาท ซุกซ่อนไว้ภายในท่อพีวีซีในบ้านไม่มีเลขที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังขยายผลตามหาเงินสดที่เหลืออีก 1,360,000 บาท เบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เป็นบุคคลในคลิปที่ถูกบันทึกได้จากกล้องหน้ารถของผู้เสียหาย แต่ปฏิเสธพูดถึงผู้บงการ
พล.ต.ต.อภิชิต เทียนเพิ่มพูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า การติดตามจับกุมตัวคนร้ายใช้เวลาทั้งหมด 5 วัน ซึ่งเหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2559 เวลาประมาณ 14.00 น. ว่าเกิดเหตุคนร้าย 4 คน แต่งกายชุดลายพรางคล้ายทหาร มีอาวุธปืน และใช้รถยนต์ฮอนด้า ซีวิค สีดำเป็นพาหนะ ดักปล้น นายไพศาล อุคำ ได้ทรัพย์สินเงินสดประมาณ 2 ล้านบาท แล้วหลบหนีไป เหตุเกิดบนถนนสายบ้านคำบง หมู่ที่ 4 ต.โชคชัย อ.นิคมคำสร้อย จ.มุกดาหาร
หลังเกิดเหตุชุดสืบสวน สภ.นิคมคำสร้อย และกองสืบสวน ภ.จว.มุกดาหาร พร้อมด้วย บก.สส.ภาค 4 ได้ร่วมกันแกะรอย ซึ่งโชคดีว่ามีหลักฐานเป็นกล้องที่ถูกบันทึกไว้หน้ารถของผู้เสียหาย ภายหลังจากการแกะรอยจึงสามารถจับกุมได้
การปล้นครั้งนี้เริ่มต้นที่บริเวณหน้าวัดคำบง ต.นิคมคำสร้อย เป็นชายฉกรรจ์ 3 คน แต่งกายคล้ายทหาร ประกอบด้วย จ.ส.อ.สถิตย์ เกตุอุดม จ.ส.ต.ศุภณัฏฐ์ สงศิริวรานนท์ และนายสมหมาย โพธิ์งาม มีนายอรุณ นำเพ็ญ เป็นคนขับ ได้ขับรถข้ามเลนบังคับให้รถผู้เสียหายจอด จากนั้น 3 คนแรกได้เข้ามาเคาะกระจกรถขอตรวจค้น เมื่อ นายไพศาล เปิดกระจกได้ใช้มือล้วงเข้าไปในรถเปิดประตู จากนั้นได้กระชากตัวออกมาจากรถ
ระหว่างนั้นเกิดการต่อสู้เพราะผู้เสียหายขัดขืน ขณะเดียวกัน คนร้ายได้หยิบกระเป๋าที่ผู้เสียหายอ้างว่ามีเงินสด จำนวน 2 ล้านบาทไป โดยคนร้าย 3 คนแรก ยังได้จับผู้เสียหายมัดติดไว้ในรถ และขับรถไปที่บริเวณภูหมู ซึ่งห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 3 กิโลเมตร เพื่อนำไปทิ้งไว้ข้างทาง โดยมีรถผู้ต้องหาขับตาม เมื่อถึงจุดทิ้งตัวผู้ต้องหาทราบชื่อคือ นายอรุณ นำเพ็ญ ได้เดินเข้ามาตามจุดนัดหมาย จากนั้นได้แยกย้ายหลบหนี
พล.ต.ต.อภิชิต กล่าวต่อว่า หลังการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ตำรวจได้แจ้งข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ และเนื่องจากคดีนี้เป็นคดีเกี่ยวข้องต่อพลเรือน ผู้ต้องหาซึ่งเป็นทหาร 2 นาย ส่วนกลุ่มผู้บงการขณะนี้ตำรวจยังคงสอบปากคำ คาดว่าจะรู้ตัวเร็วๆ นี้ จะสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาที่เหลือ โดยเฉพาะผู้บงการ ผู้ชี้เป้าได้ทั้งหมด
ด้าน นายสรสิทธิ์ ฤทธิ์สรไกร ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า ตนขอชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดมุกดาหาร ที่คลี่คลายคดีได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งได้กำชับให้ทุกฝ่ายร่วมกันเป็นหูเป็นตาในการป้องกันปัญหาอาชญากรรม โดยเฉพาะกรณีนี้ การจับกุมที่มีประสิทธิภาพยังทำให้ประชาชนในพื้นที่เชื่อมมั่นการทำงานของตำรวจ กองกำลังทหาร และฝ่ายปกครอง ที่จะร่วมกันทำให้บ้านเมืองมีความสงบสุขต่อไป