จันทบุรั/strong> - คณะเยาวชนอาเซียนจาก 10 ประเทศ ร่วมเรียนรู้การจัดการทรัพยากรชายฝั่งทะเลจากยอดเขาสู่ท้องทะเลตามแนวพระราชดำริ เป็นวันที่ 9 ของโครงการอาเซียนเรียนรู้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามรอยพระยุคลบาท ในพื้นที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดจันทบุรี
วันนี้ (13 ต.ค.) คณะเยาวชน 10 ประเทศอาเซียน จำนวน 70 คน จากโครงการอาเซียนเรียนรู้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามรอยพระยุคลบาท ซึ่งจัดขึ้นโดยรัฐบาล ศึกษาดูงาน และเรียนรู้การพัฒนาตามแนวพระราชดำริจากยอดเขาสู่ท้องทะเล สร้างชีวิตที่มั่นคง ทรัพยากรที่มั่งคั่ง ในพื้นที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดจันทบุรี ซึ่งก่อตั้งขึ้นตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตั้งแต่ปี 2524 ให้พิจารณาจัดหาพื้นที่ป่าสงวนเสื่อมโทรม หรือพื้นที่สาธารณประโยชน์
โดยส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการสนองพระราชดำริโดยการสนับสนุน และประสานการดำเนินงานจากสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) ในการศึกษาสาธิต และการพัฒนาในเขตที่ดินชายทะเล และการขยายผลโดยวิธีการผสมผสานความรู้อันหลากหลาย ทั้งในการเรื่องการจัดการทรัพยาการชายฝั่ง การอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลน ซึ่งเป็นแหล่งสร้างความสมดุล และระบบนิเวศที่ยั่งยืน
พร้อมกับการส่งเสริมเทคนิคการทำการเกษตรในภาคตะวันออกอย่างถูกหลักวิชาการเพื่อให้เกษตรกรได้เข้ามาเรียนรู้ และนำองค์ความรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปปรับใช้ได้อย่างเหมาะสม และยั่งยืน โดยเยาวชนอาเซียนทั้ง 70 คน ได้เรียนรู้ และลงมือปฏิบัติในกิจกรรมต่างๆ ภายในศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จำนวน 5 ฐานเรียนรู้ ประกอบด้วย
ฐานที่ 1 การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำ ให้อาหารปลานีโม่ ฐานที่ 2 แปลงเกษตรผสมผสาน ฐานที่ 3 ศึกษาเส้นทางเดินชมธรรมชาติป่าชายเลนจากพื้นที่เสื่อมโทรม สู่ป่าชายเลนที่สมบูรณ์ เป็นที่บังลม และเพาะพันธุ์สัตว์น้ำ เติมอากาศที่ปริสุทธิ์ ฐานที่ 4 การจัดการระบบชลประทานน้ำเค็ม ฐานที่ 5 การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำ : การเลี้ยงปลาในกระชัง ฝึกปฏิบัติการทำอีแปะ ซั้งเชือก เขี่ยไข่ปู
ทั้งนี้ เพื่อให้เยาวชนได้เห็นถึงแนวทางพัฒนาที่ต่อเนื่อง และยั่งยืนจากพระมหากรุณาธิคุณที่ได้พระราชทานมาอย่างต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลาแห่งการครองสิริราชสมบัติถึง 70 ปี ในปี 2559 นี้ อันจะส่งผลถึงประโยชน์ในการสร้างองค์ความรู้ และผสานพลังเครือข่ายในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติของภูมิภาคอาเซียนให้เกิดการเกื้อกูลกัน อันเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับนานาประเทศต่อไป