กาฬสินธุ์ - ตำรวจกาฬสินธุ์รวบหนุ่มใหญ่วัย 44 ปี มือฆ่าโหดฟันศีรษะ 14 แผลแล้วลากศพมาทิ้งไว้หน้าบ้าน สารภาพเหตุผู้ตายหึงหวงสาวใหญ่วัย 60 และด่าบุพการี ทนไม่ไหวใช้มีดอีโต้ฟันไม่ยั้งแล้วลากศพมาทิ้งไว้หน้าบ้าน
จากกรณีที่พบศพชายถูกฆาตกรรมนอนอยู่กลางถนนภายในหมู่บ้าน บริเวณบ้านหนาด หมู่ 3 ต.เหนือ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ โดยในที่เกิดเหตุพบร่างชายไทยสวมเสื้อยืดสีเหลือง กางเกงยีนส์ สภาพนอนหงายอยู่กลางถนน โดยมีเลือดอาบทั้งตัวและใบหน้าโดยจากการตรวจสอบที่บริเวณศีรษะพบว่ามีแผลจากการถูกฟันประมาณ 14 แผล ทราบชื่อผู้ตายคือ นายวิทยา ทรัพย์สำราญ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 182 หมู่ 5 ต.เหนือ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์
โดยเจ้าหน้าที่ยังพบรอยลากคราบน้ำและคราบเลือดออกมาจากแคร่ไม้ภายในบ้านเลขที่ 19 หมู่ 3 ลากออกมาทิ้งไว้หน้าบ้านห่างประมาณ 14 เมตร ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านของนางบัวพัน วิโยธา อายุ 60 ปี โดยเจ้าของบ้านบอกเบื้องต้นว่าก่อนเกิดเหตุมีการตั้งวงดื่มสุรากันจากนั้นก็ไม่ทราบว่ามีการทำร้ายร่างกายกันจนถึงขั้นเสียชีวิต
หลังจากเกิดเหตุ พล.ต.ต.มนตรี จรัลพงศ์ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ สั่งการให้ตำรวจ สภ.เมืองกาฬสินธุ์เข้าตรวจสอบทำการสืบสวนสอบสวนจนทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายอนุสรณ์ สารบุตร อายุ 44 ปี หนึ่งในกลุ่มที่ร่วมดื่มสุรากัน และเป็นเพื่อนบ้านกัน ตำรวจ สภ.เมืองกาฬสินธุ์จึงเข้าจับกุมตัว และนำตัวไปชี้จุดเกิดเหตุ
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบคราบเลือดติดอยู่บนเสื้อผ้า สารภาพร่วมกันกับนางบัวพัน วิโยธา อายุ 60 ปี เจ้าของบ้านให้ช่วยลากศพออกจากบ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำผู้ต้องหาทั้งสองไปตรวจสอบบ้านหลังที่เกิดเหตุอีกครั้ง
โดยจากการตรวจสอบพบมีดอีโต้ซุกซ่อนอยู่หลังบ้านที่เกิดเหตุโดยใช้สังกะสีปิดทับไว้ ส่วนเสื้อผ้าของผู้ก่อเหตุทั้งสองได้แช่ไว้เตรียมที่จะซักคราบเลือดออก
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า นายอนุสรณ์ สารบุตร อายุ 44 ปี ได้คบหากับนางบัวพัน วิโยธา อายุ 60 ปี มาก่อนหน้านี้แล้ว และนายวิทยา ทรัพย์สำราญ อายุ 40 ปี ผู้ตาย ได้มาติดพันทีหลัง
ก่อนเกิดเหตุทั้งหมดพร้อมเพื่อนบ้านได้ตั้งวงดื่มสุรากันตั้งแต่ 21.30 น.ของวันที่ 11 ตุลาคม 2559 จนดึกได้พากันแยกย้ายกันกลับบ้าน นายอนุสรณ์ ผู้ต้องหาก็ได้เข้าไปนอนที่บ้านนางบัวพันภายในบ้านหลังเกิดเหตุ สักพักเมื่อช่วงกลางดึกเวลาประมาณ 03.00 น.ของวันที่ 12 ตุลาคม 2559 นายวิทยา ผู้ตาย ก็ได้มาเคาะประตูเรียกก่อกวนตลอดเวลาเพื่อที่จะมาขอนอนด้วยกัน
แต่นายอนุสรณ์ไม่ยอมและก็ได้ไล่หนีจนมีปากเสียงทะเลาะกัน ทั้งโมโหที่ผู้ตายได้ด่าว่าถึงบุพการี ทั้งแรงหึงหวงที่รู้ว่าผู้ตายเริ่มมาชอบพอกับนางบัวพัน จนได้ก่อเหตุไปหยิบมีดอีโต้ภายในบ้านมาฟันที่บริเวณศีรษะผู้ตายหลายครั้งจนเสียชีวิต หลังจากก่อเหตุเสร็จแล้วนายอนุสรณ์และนางบัวพันก็ได้ช่วยกันลากศพผู้ตายออกมาจากบ้านมาไว้ที่ถนนหน้าบ้าน พร้อมนำมีดไปล้างและซ่อนที่หลังบ้าน
จากนั้นก็ได้ใช้น้ำสาดราดตามรอยเลือดที่ลากศพออกมา ส่วนเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดได้นำไปแช่น้ำเตรียมซัก แต่ก็มีชาวบ้านมาพบเห็นก่อนและมีเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ จนรู้ว่าผู้ก่อเหตุคือคนใกล้ตัว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองส่งพนักงานสอบสวนเพื่อทำการสอบสวนเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างละเอียดอีกครั้งต่อไป
