น่าน - เจ้าหน้าที่สาธารณสุขน่านบุกเข้าตรวจสอบน้ำสมุนไพรโดยฤษีนั่งไฟ ระบุไม่ใช่ยากิน แต่เหมือนน้ำมันทาตัวทั่วๆ ไป แต่ต้องรอผลตรวจว่ามีสารเคมีหรือไม่ ด้านพิธีกรรมหากไม่มีการบังคับซื้อก็ถือเป็นเรื่องของความเชื่อ
วันนี้ (12 ต.ค. 59) เวลา 09.00 น. นายจงจิต ปินศิริ สาธารณสุขอำเภอนาน้อย พร้อมด้วย พ.ต.ท.สมศักดิ์ สารแก้ว สว.สส.สภ.นาน้อย และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ทหาร ตำรวจ ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่ประกอบพิธีกรรมฤษีนั่งไฟ ที่บ้านนางมณีรัตน์ กานันไชย บ้านเลขที่ 17/1 ม.8 ต.บัวใหญ่ อ.นาน้อย จ.น่าน หลังจากมีการแชร์ภาพผ่านทางเฟซบุ๊ก และไลน์ อยากให้มีการตรวจสอบกรณีมีการจัดพิธีกรรมทำยาสมุนไพร โดยมีชายแต่งชุดฤษีนั่งบนกระทะใบใหญ่ที่จุดไฟต้มน้ำมันพืช และใบสมุนไพร พร้อมกับสวดคาถาประกอบพิธีกรรมทำยานวดสมุนไพร และไข่ต้ม รักษาโรค จำหน่ายในราคาขวดละ 100 บาท และไข่ต้ม 3 ฟอง 100 บาท และหากใครต้องการเข้าทำการรักษาจะต้องเสียค่าไหว้ครูอีก 99 บาท ว่าพิธีกรรมดังกล่าวเหมาะสม และสมุนไพรนั้นรักษาโรคได้จริงตามกล่าวอ้างหรือไม่
นายจงจิต ปินศิริ สาธารณสุขอำเภอนาน้อย หลังทำการตรวจสอบกล่าวว่า พบว่ามีการนวดแผนไทยและลงทรงฤษีจริง แต่ไม่มีการรักษาผู้ป่วยโดยตรง จึงไม่ผิดพระราชบัญญัติของสาธารณสุข และน้ำมันสมุนไพรที่ต้มออกมาไม่ได้ใช้รับประทาน แต่ใช้ทานวดตามบริเวณที่ปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อ เช่นเดียวกับน้ำมันงา และน้ำมันสมุนไพรอื่นๆ ยังไม่ผิดพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2542 เพราะไม่ได้อวดอ้างสรรพคุณว่าสามารถช่วยรักษาโรคต่างๆ ให้หายขาด แต่ก็ได้ทำการตักเตือน ส่วนน้ำสมุนไพรทางสาธารณสุขจะนำตัวอย่างไปตรวจสอบอีกครั้งว่ามีสารเคมีที่ทำอันตรายหรือไม่ ส่วนพิธีกรรมฤษีนั่งกระทะตั้งไฟเป็นเรื่องความเชื่อส่วนบุคคล อีกทั้งก็ไม่พบว่ามีการบังคับซื้อ จึงไม่เข้าข่ายกระทำความผิดใดๆ
นางมณีรัตน์ กานันไชย เจ้าของบ้านที่เป็นสถานที่จัดทำพิธี เปิดเผยว่า แต่ก่อนเคยเป็นตำหนักร่างทรงหลวงปู่ฤษี แต่ปัจจุบันร่างทรงกลับไปบ้านเกิดตัวเองแล้ว บ้านของตนที่เคยเป็นตำหนักก็เปลี่ยนเป็นสถานที่นวดแผนโบราณแทน ตามที่ได้ไปอบรมการนวดแผนโบราณมาเพื่อนำมาเป็นอาชีพที่สุจริตหาเลี้ยงครอบครัว แต่หิ้งพระและรูปหลวงปู่ฤษีก็ยังเก็บไว้ตามปกติเพราะตัวเองนับถือกราบไหว้สักการะอยู่
ส่วนเรื่องที่ประกอบพิธีกรรมทำยาสมุนไพรได้ทำเมื่อวันที่ 5 ต.ค. 59 ที่ผ่านมา โดยมีร่างหลวงปู่ฤษีที่รู้จักกันมาก่อนหน้านี้และได้มาเที่ยวหาที่บ้านเป็นประจำ จึงมาช่วยประกอบพิธีให้ โดยไม่มีเจตนาที่จะมาหลอกชาวบ้าน และเรี่ยไรเงินจากชาวบ้าน เพราะไม่ได้บังคับหรือข่มขู่ ชาวบ้านให้ซื้อน้ำยาสมุนไพร แล้วแต่ศรัทธาและความเชื่อของแต่ละคนที่ทำไปอยากช่วยรักษาชาวบ้านตามความเชื่อโบราณ โดยใช้น้ำสมุนไพรเชื่อว่าจะสามารถช่วยรักษาอาการปวดเมื่อยตามร่างกายของชาวบ้าน ไม่มีเจตนาหลอกลวง หรือเรี่ยไรเงินจากชาวบ้านที่มาร่วมพิธี
ด้านนางบุญตุ้ม ยะเสน อายุ 54 ปี ชาวบ้านที่เข้าร่วมพิธีกรรม เล่าว่า โดยส่วนตัวมีความเชื่อเรื่องน้ำสมุนไพรมาก่อน เพราะสมัยปู่ย่าตายายก็ได้เคยนำน้ำสมุนไพรมาช่วยรักษาอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย โดยใช้วิธีสกัด หรือนำมาต้มกินเพื่อรักษาโรคต่างๆ ตามความรู้ของคนสมัยก่อน แต่พิธีที่ฤษีนั่งไฟได้ทำนั้นมันเป็นเรื่องที่แปลก และไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ซึ่งการทำน้ำสมุนไพรมีส่วนประกอบน้ำมันปาล์มและใส่สมุนไพรพื้นบ้าน เช่น ขมิ้น ตะไคร้ ข่า น้ำสมุนไพรที่ได้มาจะเป็นสีเหลือง กลิ่นจะเป็นกลิ่นขมิ้น ไม่เหม็น
จึงอยากลองดูว่าจะสามารถรักษาได้จริงหรือไม่ จึงซื้อมา 1 ขวดมาลองทาและนวดบริเวณหัวเข่าที่ปวดมานานเพราะใช้ยาอะไรก็รักษาไม่หาย ใช้มาได้ 2 วันแล้วไม่มีอาการแพ้ยา มันเหมือนน้ำมันสมุนไพรทั่วๆ ไปที่วางขายตามร้านขายยา