เพชรบุรี - ผู้ตรวจการแผ่นดินลงพื้นที่เพชรบุรี ตรวจสอบข้อเท็จจริงหลังชาวบ้านอำเภอเขาย้อย ร้องเรียนได้รับผลกระทบจากการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ และจังหวัดเพชรบุรี ไม่ดำเนินการต่อกลุ่มบุคคลที่บุกรุก และทำลายพืชผลในที่ดินของชาวบ้านกว่า 1,000 ไร่
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (7 ต.ค.) นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมด้วย นายปรีดา เวทยาวงศ์ ผอ.สำนักสอบสวน 3 และคณะเจ้าหน้าที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีประชาชนหมู่ 5 ต.หนองชุมพลเหนือ อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี ร้องเรียนได้รับผลกระทบจากการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ และจังหวัดเพชรบุรี ไม่ดำเนินการต่อกลุ่มบุคคลที่บุกรุก และทำลายพืชผลในที่ดินของชาวบ้าน
โดยมี นายอนันต์ ไม้แก้ว เจ้าหน้าที่ป่าไม้ชำนาญงานที่ 10 สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ที่ 10 สาขาเพชรบุรี นายบุญเกื้อ เจี้ยมดี ผอ.ส่วนจัดการที่ดินป่าไม้ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 สาขาเพชรบุรี ร.อ.พรโรจน์ ตัณฑพงษ์ หัวหน้าชุดประสานงานกองกำลังรักษาความสงบ จ.เพชรบุรี นายอนุชิต พรแดง ผอ.สถานีพัฒนาที่ดิน จ.เพชรบุรี นายนิคม ณรงค์รัตน์ เจ้าพนักงานที่ดิน จ.เพชรบุรี สาขาเขาย้อย ร่วมตรวจสอบ นางเดือนเพ็ญ คำตัน ชาวบ้านหมู่ 6 ต.หนองชุมพลเหนือ อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี และ น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา จ.เพชรบุรี ในฐานะผู้แทนผู้ร้องเรียน และชาวบ้านกว่า 30 คน ร่วมให้ข้อมูล
นายรักษเกชา เปิดเผยว่า สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่หมู่ที่ 5 ต.หนองชุมพลเหนือ อ.เขาย้อย ว่า ได้รับความเดือดร้อนจากการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ และจังหวัดเพชรบุรี ไม่ดำเนินการต่อกลุ่มบุคคลที่บุกรุก และทำลายพืชผลในที่ดินของชาวบ้าน โดยเบื้องต้น ที่ดินที่เป็นปัญหามีพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ เป็นพื้นที่ที่ชาวบ้านหมู่ที่ 5 ได้ครอบครองทำกินใช้เป็นพื้นที่เกษตรกรรมมาเป็นเวลานาน บางรายมีหนังสืออนุญาตให้สิทธิทำกินในที่ดินป่าสงวนแห่งชาติ (สทก.) ที่กรมป่าไม้ ออกให้
แต่ต่อมา มีบริษัทเอกชนทราบชื่อต่อมาคือ บริษัทสวนป่าอาคาเซีย จำกัด ได้อ้างกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าว โดยมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) และโฉนดที่ดินในพื้นที่เดียวกัน และให้ชาวบ้านในพื้นที่ย้ายออก รวมทั้งเข้าปรับพื้นที่ ถางทำลายพืชผลทางการเกษตรที่ปลูกในที่ดินดังกล่าวเสียหาย ส่งผลให้ชาวบ้านที่ทำกินในพื้นที่ดังกล่าวเดือดร้อนอย่างมาก ที่ผ่านมา ได้ร้องเรียนผ่านหลายหน่วยงานแต่ยังไม่คืบหน้า จึงขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน ตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิที่ดินดังกล่าวว่ามีการทับซ้อนกับเขตป่าสงวน และเป็นไปด้วยความโปร่งใสหรือไม่ พร้อมเรียกร้องให้บริษัทสวนป่าอาคาเซียฯ ชะลอการปรับพัฒนาที่ดินไปก่อน เพื่อรอผลการตรวจสอบเขตที่ดิน และที่มาของการออกเอกสารสิทธิดังกล่าวให้ชัดเจน
คณะผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้ใช้เวลาลงตรวจสอบพื้นที่ซึ่งเป็นที่ราบกว้างเชิงเขานานกว่า 2 ชั่วโมง จากนั้นได้เชิญผู้เกี่ยวข้อง และผู้แทนชาวบ้านร่วมประชุมเพื่อหาทางออก ณ ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอเขาย้อย โดยมี นายวินัย คุ้มมักคุ้ม ผู้แทนบริษัท สวนป่าอาคาเซีย จำกัด นายขจรศักดิ์ สมบูรณ์ นายอำเภอเขาย้อย ร่วมชี้แจง
ภายหลังการประชุม นายรักษเกชา กล่าวว่า จากการตรวจสอบพื้นที่พร้อมประชุมรับฟังสภาพปัญหากับทุกฝ่าย พบปัญหา 2 ประเด็นหลัก คือ 1.ที่ดินดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ หรือเขตป่าไม้อื่นหรือไม่ การประกาศเขตพื้นที่ดังกล่าวได้มีการสำรวจ และพิสูจน์สิทธิก่อนการประกาศเขตป่าไม้หรือไม่ เนื่องจากประชาชนในพื้นที่ได้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวมาเป็นเวลานานโดยไม่มีบุคคลใดอ้างสิทธิในที่ดินดังกล่าวมาก่อน และ 2.การออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) และโฉนดที่ดินของภาคเอกชนที่อ้างกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวเป็นการออกเอกสารที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
เบื้องต้น ให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบสิทธิที่ดินแปลงที่เป็นปัญหา โดยให้จังหวัดเพชรบุรี เป็นประธาน นายอำเภอเขาย้อย เป็นเลขาฯ และส่วนเกี่ยวข้อง เช่น ทรัพยากรป่าไม้จังหวัดเพชรบุรี ที่ดินจังหวัดเพชรบุรี พัฒนาที่ดินจังหวัด ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเพชรบุรี เป็นคณะทำงาน เพื่อตรวจสอบว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวน และการออกเอกสารสิทธิการใช้ประโยชน์ที่ดิน (น.ส.3) เป็นไปโดยชอบหรือไม่ โดยให้ระยะเวลาการทำงานภายใน 60 วัน
“กรณีปัญหาดังกล่าวมีผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่จำนวนมาก ซึ่งจากการลงพื้นที่วันนี้พบว่าภาคเอกชนได้ระงับการแผ้วถางปรับพื้นที่ดังกล่าวแล้ว ซึ่งจากนี้ผู้ตรวจการแผ่นดิน จะให้ความสำคัญในการแสวงหาข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน และได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งดำเนินการตรวจสอบเขตที่ดิน และที่มาการออกเอกสารสิทธิดังกล่าว พร้อมทั้งรายงานผลให้ผู้ตรวจการแผ่นดินทราบ เพื่อพิจารณาหาแนวทางการแก้ไขให้ความเป็นธรรมต่อทุกๆ ฝ่ายโดยเร็วต่อไป” นายรักษเกชา กล่าว