ฉะเชิงเทรา - ชาวบ้านท่าข้ามจับจระเข้ขนาดใหญ่ได้ ยาวกว่า 3 เมตร สภาพอุดมสมบูรณ์อ้วนพี ยังไม่ทราบแหล่งที่มาแน่ชัด หลังมีนักตกปลาพบเห็นโผล่ในแอ่งน้ำเมื่อต้นสัปดาห์ ก่อนระดมกำลังเจ้าหน้าที่ พร้อมชาวบ้านช่วยกันล้อมจับไว้ได้ เตรียมส่งไปยังพื้นที่อนุรักษ์บึงบอระเพ็ดเมืองปากน้ำโพ
วันนี้ (6 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งฉะเชิงเทรา ตั้งอยู่เลขที่ 36/2 ม.8 ต.ท่าสะอ้าน อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา หลังมีกระแสข่าวว่า มีชาวบ้านในเขตเทศบาลตำบลท่าข้าม อ.บางปะกง สามารถจับจระเข้ตัวขนาดใหญ่ไว้ได้ ภายในป่าข้างคลองตาสาย ซึ่งเป็นคลองสาขาของลำคลองพานทอง ที่มีแหล่งต้นน้ำมาจากทางตอนเหนือของ อ.พนัสนิคม ไหลผ่าน อ.พานทอง ใน จ.ชลบุรี ก่อนลงมาสู่แม่น้ำบางปะกง ในเขต อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ได้เมื่อช่วงเย็นวานนี้ และได้นำเอามาฝากเลี้ยงไว้ยังที่ศูนย์วิจัยฯ แห่งนี้
โดย น.ส.วนิดา สุเมธลักษณ์ เจ้าพนักงานประมงปฏิบัติงานประจำศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งฉะเชิงเทรา กล่าวว่า จระเข้ตัวดังกล่าวนี้ถูกชาวบ้าน พร้อมด้วย จนท.ฝ่ายงานป้องกันเทศบาลตำบลท่าข้าม ได้ช่วยกันล้อมจับเอาไว้ได้เมื่อช่วงเวลาประมาณ 16.30 น. วานนี้ (5 ต.ค.) จากแอ่งน้ำในป่ารกริมคลอง เขตพื้นที่ ม.4 ต.ท่าข้าม ซึ่งยังไม่ทราบแหล่งที่มาแน่ชัดของจระเข้ตัวนี้ว่ามาจากไหน และมาอยู่ในพื้นที่บริเวณนั้นได้อย่างไร
โดยถือว่าเป็นจระเข้น้ำจืดตัวขนาดใหญ่มากเท่าที่เคยพบ และจับได้จากพื้นที่ในบริเวณนี้ มีความยาวประมาณ 3.3 เมตร น้ำหนักไม่ต่ำกว่า 200 กก. สภาพค่อนข้างอ้วนท้วนมีความสมบูรณ์มาก โดยยังไม่ทราบเพศแน่ชัด เนื่องจากที่ศูนย์วิจัยแห่งนี้ไม่มีเจ้าหน้าที่ชำนาญการเฉพาะด้านเกี่ยวกับจระเข้ เนื่องจากเป็นศูนย์วิจัยเกี่ยวกับสัตว์ทะเล ประเภทกุ้ง และปลา เท่านั้น ซึ่งทางเราจะรับไว้ดูแลแทนสำนักงานประมงจังหวัดฉะเชิงเทรา ที่ได้นำเอามาฝากเลี้ยงไว้ เนื่องจากทางประมงไม่มีสถานที่ดูแล ก่อนที่จะทำเรื่องประสานส่งต่อไปทำการอนุรักษ์ไว้ยังที่บึงบอระเพ็ด จ.นครสวรรค์ ต่อไปในวันจันทร์นี้
สาเหตุที่ต้องนำส่งไปอนุรักษ์ยังที่บึงบอระเพ็ดนั้น เนื่องจากเป็นสถานที่ที่มีความเหมาะสมมากกว่า และยังมีเจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญการเฉพาะด้านคอยดูแลอยู่ที่นั่น และพื้นที่ของศูนย์วิจัยแห่งนี้ยังไม่เหมาะสมที่จะนำจระเข้เข้ามาเลี้ยงไว้ เนื่องจากสถานที่มีความปลอดภัยไม่เพียงพอที่จะเลี้ยงจระเข้ได้ จึงเป็นการนำเอามาพักไว้เพียงชั่วคราวเท่านั้น
ด้าน นางสมจิตต์ พันธุ์สุวรรณ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลท่าข้าม กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ฝ่ายงานป้องกันของทางเทศบาล ได้รับแจ้งจากผู้ที่เข้ามาทำการตกปลาในบริเวณพื้นที่ ม.4 ต.ท่าข้าม ว่า ได้พบเห็นจระเข้โผล่ขึ้นมาจากแอ่งน้ำในป่ารกริมคลองตาสาย ใกล้กับบ่อปลาของชาวบ้าน จึงได้พยายามระดมกำลังชาวบ้าน และ จนท.งานป้องกันออกช่วยกันค้นหา จนมาพบจระเข้ตัวดังกล่าวตามที่ได้รับแจ้งจริงๆ จึงได้มีการวางแผนที่จะเข้าทำการจับเอาไว้
ทั้งนี้ เนื่องจากหวั่นเกรงว่าชาวบ้านจะไม่ได้รับความปลอดภัย โดยได้มีการเตรียมการไว้ 2 วิธี คือ 1.การจับเป็นด้วยการทำบ่วงดักจับ วิธีที่ 2 คือ ใช้วิธียิงหากจระเข้หนีลงสู่ลำคลอง หลังจระเข้ถูกล้อมจับจึงได้คลานหนีไปจนติดเถาวัลย์ จึงได้ให้อาสาสมัครที่เข้ามาทำการล้อมจับช่วยกันถอดเสื้อยืดแล้วใช้ไม้เขี่ยเอาผ้าเข้าไปปิดตาของจระเข้เอาไว้ ก่อนที่จระเข้จะหนีเข้าไปยังบ่วงที่ดักเอาไว้พอดี จึงสามารถจับเอาไว้ได้ในที่สุด
ระหว่างถูกล้อมจับจระเข้ก็ยังได้แสดงความดุร้ายขู่ชาวบ้านที่เข้าไปล้อมจับอยู่บ้าง แต่ไม่มีใครได้รับอันตราย หลังจากจับจระเข้เอาไว้ได้ จึงได้ทำการส่งมอบให้แก่ทางสำนักงานประมงจังหวัด เพื่อนำไปดำเนินการหาที่ดูแลต่อไป
สำหรับในพื้นที่ ต.ท่าข้าม นั้น ไม่เคยมีฟาร์มจระเข้อยู่ในพื้นที่มาก่อน แต่ในพื้นที่ข้างเคียง เช่น อ.พานทอง และ อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี นั้นไม่ทราบว่ามีอยู่หรือไม่ เพราะอยู่นอกขอบเขตของทางเทศบาลตำบลท่าข้าม ที่จะเข้าไปตรวจสอบได้ แต่จุดที่จับจระเข้ได้นั้นเป็นลำคลองที่อยู่ใกล้กับแนวตะเข็บรอยต่อระหว่าง 2 จังหวัด ซึ่งติดกับเขต อ.พานทอง จ.ชลบุรี และคลองพานทอง ยังมีสาขาเป็นคลองย่อยอีกมากมายที่เชื่อมถึงกันหมด ส่วนฟาร์มจระเข้ทางฝั่ง ต.ท่าสะอ้าน นั้นอยู่คนละฝั่งแม่น้ำบางปะกง และยังเป็นฟาร์มร้างที่ได้เลิกเลี้ยงไปนานแล้ว จึงเชื่อว่าไม่น่าจะเป็นแหล่งที่มาของจระเข้ตัวนี้