กาฬสินธุ์ - ชาวบ้านในตำบลสามัคคีงง! ลุกขึ้นต่อสู้เรียกร้องให้ตรวจสอบโครงการซ่อมแซมถนนลูกรัง อบต.สามัคคี แต่กลับถูกปลัด อบต.สามัคคีฟ้องหมิ่นเจ้าพนักงานและหมิ่นประมาท ลั่นยอมติดคุกหากปราบทุจริตได้ ด้านผู้ว่าฯ กาฬสินธุ์เดินหน้าปราบคอร์รัปชัน ทั้งในเรื่องการทุจริตและประพฤติมิชอบ ย้ำพบมีส่วนเกี่ยวข้องในจะต้องถูกลงโทษอย่างหนักหากทั้งวินัยและอาญา ระบุหากผลสอบพบว่ามีมูลความผิดจะส่งดำเนินคดีให้ ป.ป.ช.ทันทีโดยไม่ละเว้น
จากกรณีภาคประชาชนร้องสำนักงาน ป.ป.ช.-สตง.และ ป.ป.ท.พื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ระบุว่าผู้บริหารและปลัด อบต.สามัคคี ร่วมกันทุจริตโครงการซ่อมแซมถนนลูกรังและยังมีโครงการประปาตั้งแต่ปี 2552-2559 งบประมาณกว่า 20 ล้านบาท ซึ่ง ป.ป.ท.และ สตง.ตรวจพบว่ามีการปลอมลายเซ็นผู้ใหญ่บ้านในการตั้งโครงการ และร่วมถึงการตั้งฎีกาเบิกทับซ้อน ส่วนสภา อบต.สามัคคี มีมติทำหนังสือส่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอให้ย้ายปลัด อบต.สามัคคีออกนอกพื้นที่ อีกทั้งทางอำเภอร่องคำได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงภายหลังจากชาวบ้านได้ยื่นหนังสือยังอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นนั้น
ล่าสุดที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา หน้าศาลากลาง จังหวัดกาฬสินธุ์ นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ประชุมมอบนโยบายและเร่งรัดงานให้หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านและผู้บริหารองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)
โดยนายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้มอบนโยบายด้วยสโลแกนว่า “ทำงานเรียบง่าย เป้าหมายคือประชาชน” โดยได้เน้นย้ำให้ข้าราชการทุกหน่วยงานและผู้บริหารองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นได้ปฏิบัติงาน ที่มีวิธีการทำอย่างไรให้พี่น้องประชาชนเข้าถึงเราได้ง่าย เพื่อให้ทราบถึงปัญหาที่แท้จริงของประชาชนอันนำไปสู่การไว้วางใจกัน เข้าใจกันและเป็นมิตรต่อกัน การข่าวต้องรวดเร็วอันจะนำไปสู่ความสำเร็จของงานที่ได้ประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน
ส่วนนโยบายเร่งด่วนและต้องปฏิบัติอย่างเข้มงวด คือ การแก้ปัญหายาเสพติด ทั้งเสพ การป้องกันปราบปรามและบำบัดรักษา ซึ่งทุกภาคส่วนไม่อิงข้าราชการ และประชาชนจะต้องให้ความร่วมมือกันอย่างเต็มที่ หากว่าส่วนราชการรับหน้าที่ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดปล่อยปละละเลยต้องถูกลงโทษอย่างหนัก
สำหรับปัญหาที่รัฐบาลให้ความสำคัญในขณะนี้ คือ ปัญหาเรื่องคอร์รัปชัน ทั้งในเรื่องของการทุจริต และประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งไม่ว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องในการคอร์รัปชัน หรือทุจริตจะต้องถูกลงโทษอย่างหนักหากและตามกฎหมาย ทั้งทางวินัยอย่างร้ายแรง และทางอาญา และหากคณะกรรมการสอบสวนได้พิจารณาแล้วว่ามีมูลความผิดจะต้องส่งดำเนินคดีให้ ป.ป.ช.ทันทีโดยไม่ละเว้น ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น
ด้านนายสุภัทรชัย หันจรัส ประธานสภาอบต.สามัคคี อำเภอร่องคำ จังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า หลังสภา อบต.สามัคคี ตรวจสอบปัญหาโครงการซ่อมแซมถนนลูกรังในปีงบประมาณตั้งแต่ปี 2552 ถึงปี 2559 พบว่ามีมูลทุจริตและประพฤติมิชอบ โดยมีการส่อทุจริตในหลายโครงการนั้น ขณะนี้ทางสภาได้รวบรวมพยาน หลักฐานที่ตรวจสอบได้ส่งให้กับทางอำเภอร่องคำเพื่อพิจารณาแล้ว และจะส่งไปยังหน่วยงานด้านการตรวจสอบ ทั้ง ป.ป.ท., สตง.กาฬสินธุ์ และ ป.ป.ช.กาฬสินธุ์ รวมทั้งท้องถิ่นจังหวัดอีกด้วย แต่ขณะนี้กลุ่มชาวบ้านที่ลุกขึ้นมาเรียกร้องให้ตรวจสอบเพื่อรักษาผลประโยชน์ของแผ่นดิน รวมทั้งคณะกรรมการของสภา อบต.สามัคคีกำลังมึนงงไปหมด เนื่องจากเป็นการเรียกร้องให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่กลับถูกจ่าเอกสมพงษ์ สกุลรัตน์ ปลัด อบต.ฟ้องในข้อหาหมิ่นเจ้าพนักงาน และหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา รวมทั้งหมด 9 คน ซึ่งขณะนี้หมายศาลมาถึงทุกคนแล้ว ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทางสภา อบต.สามัคคี ได้เชิญมาชี้แจงแล้วหลายครั้งแต่กลับไม่เคยชี้แจง
ดังนั้นจึงทำให้ชาวบ้านเกิดความหวาดผวา เกรงกลัวต่ออิทธิพล และการใช้อำนาจรัฐมารังแก แต่ทุกคนพร้อมต่อสู้ ยอมติดคุก เพื่อรักษาความถูกต้องไว้ จึงเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการย้ายปลัด อบต.สามัคคี ออกนอกพื้นที่โดยด่วน จนกว่าจะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วเสร็จ
ด้านนายบุญเพ็ง เยาวบุตร ในฐานะตัวแทนภาคประชาชนของชาว ต.สามัคคี อ.ร่องคำ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สาเหตุที่ตนและชาวบ้านลุกขึ้นมาต่อสู้ครั้งนี้ เนื่องจากต้องการให้มีความถูกต้องเกิดขึ้นในพื้นที่ อบต.สามัคคี ซึ่งโครงการซ่อมแซมถนนลูกรังเงินทุกบาท ก็เป็นภาษีและเป็นเงินของแผ่นดิน ซึ่งหากมีการทุจริตหรือมีความไม่ชอบมาพากล ชาวบ้านจึงต้องการให้หน่วยงานเข้ามาตรวจสอบ และหากผลการตรวจสอบใครผิด ใครถูกก็ว่ากันตามกฎระเบียบ แต่ผลที่ชาวบ้านได้รับขณะนี้กลับเป็นการถูกเจ้าหน้าที่รัฐฟ้องร้องในข้อหาหมิ่นเจ้าพนักงานและหมิ่นประมาท จึงทำให้ชาวบ้านเสียความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ แทนที่จะออกมาชี้แจงแต่ไม่ทำ กลับฟ้องชาวบ้าน ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวตนและชาวบ้านก็จะยืนยันที่จะต่อสู้ให้ถึงที่สุด เพราะต้องการพิสูจน์ว่าหากชาวบ้านลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อความจริงและความถูกต้อง
โดยเฉพาะในยุครัฐบาลปัจจุบันที่มีนโยบายปรามปราบการทุจริตคอร์รัปชัน แต่กลับต้องมาติดคุกก็ยอม เพื่อให้ลูกหลานในอนาคตมีที่อยู่ต่อไปและสามารถปราบการทุจริตได้ แต่อยากฝากไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องทำตามหน้าที่ตรงไปตรงมาและดำเนินการตรวจสอบอย่างจริงจังด้วย เพื่อทำให้งบประมาณของแผ่นดินเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน