จันทบุรี - ชาวบ้านจันทบุรีใน 2 หมู่บ้านลงชื่อร้องสื่อ หลังพบกลุ่มนายทุนลักลอบดูดทรายนำทรายไปขายภายในอู่ต่อเรือสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้าน ไม่สามารถออกหาปู หาปลาได้ และเครื่องมือทำการประมงได้รับความเสียหาย เนื่องจากน้ำขุ่น สัตว์น้ำย้ายแหล่งอาศัยใหม่ วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ
วันนี้ (2 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้าน หมู่ที่ 10 และหมู่ที่ 11 ตำบลหนองบัว อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี ว่า มีกลุ่มนายทุนได้มีการนำเรือดูดทรายมาทำการลักลอบดูดทรายไปขาย สร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านใน 2 หมู่บ้าน หลังเรือดูดทรายได้เข้ามาลักลอบดูดทราย ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถที่จะออกจับสัตว์น้ำได้ เนื่องจากทำให้น้ำขุ่น สัตว์น้ำมีการย้ายแหล่งอาศัยใหม่ รวมทั้งทำให้เครื่องมือประมงของชาวบ้านได้รับความเสียหาย
หลังรับแจ้งผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่พบชาวบ้านกำลังลงชื่อถึงความเดือดร้อนที่มีกลุ่มนายทุนลักลอบเข้ามาดูดทรายภายในอู่ต่อเรือสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช นานหลายเดือนแล้ว เพื่อเตรียมยื่นรายชื่อเรื่องนี้ให้แก่ นายวิทูรัช ศรีนาม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ได้มีการมีการตรวจสอบ
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้มีการใช้โดรนทำการบินเพื่อตรวจสอบ ก็พบว่า มีเรือดูดทรายของกลุ่มนายทุนกำลังมีการดูดทรายอยู่กลางทะเลจริง ที่เป็นกองทรายที่กรมเจ้าท่าภูมิภาคจังหวัดจันทบุรี ได้มีการดูดกองไว้ในช่วงที่มีการลอกคลอง ซึ่งในเรื่องนี้ชาวบ้านใน 2 หมู่บ้านไม่รู้ว่าทางกรมเจ้าท่าได้มีการปล่อยให้กลุ่มนายทุนได้เข้ามาดูดทรายบริเวณนี้ไปขายได้อย่างไร และเมื่อก่อนชาวบ้านบอกว่า บริเวณดังกล่าวไม่เคยมีเรือดูดทรายเข้ามาดูดทรายบริเวณนี้
เนื่องจากบริเวณนี้เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์น้ำเป็นจำนวนมาก และมีป่าที่อุดมสมบูรณ์ ปัจจุบัน หลังจากที่มีเรือดูดทรายลักลอบเข้ามาดูดทราย ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถที่จะทำกินได้ เนื่องจากสัตว์น้ำย้ายแหล่งอาศัยไปหมด รวมทั้งน้ำทะเลก็ไม่สามารถที่จะดูดมาเลี้ยงกุ้ง รวมทั้งมีการเลี้ยงปลากระชังได้ ทำให้ชาวบ้านต้องขาดรายได้ไป และเดือดร้อน
นายจักรวาล บุญประเสริฐ อายุ 31 ปี ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน กล่าวว่า ผลกระทบที่ตนเองโดนอยู่ คือ เรือดดูดทรายเข้ามาดูดทรายทำให้อวนที่วางเลี้ยงหอยไว้ลอยหน้า ทำให้อวนเสียหาย นอกจากนี้ การดูดทรายทำให้น้ำขุ่น ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถออกหากินจับปูจับปลาได้ ทำให้ไม่สามารถวางอวนจับสัตว์น้ำมาขาย และมาบริโภคได้ ตอนนี้ชาวบ้านใน 2 หมู่บ้านเดือดร้อนกว่า 100 คน จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบเพราะตอนนี้ชาวบ้านเดือดร้อนมาก
