พะเยา - ชมรมอนุรักษ์กว่างไทยเมืองกว๊านพะเยา เริ่มกางเต็นท์ตั้งกลอนไม้ประกบคู่ชนกว่างกันทุกคืนแล้ว เซียนกว่างทั่วทิศแห่ลุ้น แห่เชียร์ชั้นเชิงนักสู้แห่งขุนเขากันสุดมัน ตัวไหนชนะได้ถ้วยรางวัล พร้อมตัวเมียไปครอง
วันนี้ (24 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อย่างเข้าฤดูชนกว่าง (อ่าน เริ่มแล้ว! ฤดูนักสู้แห่งขุนเขา คนซื้อคนขาย “กว่าง” รอชนบนขอนไม้คึกคัก http://manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9590000095867) ทุกปี ภายในบ้านของ นายสมพร สุขมี อายุ 58 ปี เลขที่ 225 ถนนบ่อบำบัดน้ำเสีย ต.แม่ต๋ำเมืองชุม อ.เมืองพะเยา ที่ตั้ง “ชมรมอนุรักษ์กว่างไทย จ.พะเยา” จะคึกคักเต็มไปด้วยผู้คนทุกค่ำคืน
โดยบรรดาเซียนกว่างทั้งใน และนอกชุมชนจะพากันหอบหิ้วด้วงกว่างตัวผู้ ของตัวเองมาประกบคู่ชนกันในสนามชนกว่างของชมรมฯ ตั้งแต่ 20.00 น. คืนละหลายสิบคู่ หากตัวไหนชนะก็จะมีถ้วยรางวัลรูปกว่าง และรางวัลตัวเมียให้ 1 ตัวไปครอง
นายสุริยา ศรีปัญญา อายุ 50 ปี เลขาฯ ชมรมอนุรักษ์กว่างไทยจังหวัดพะเยา กล่าวว่า จังหวัดพะเยา เป็นจังหวัดหนึ่งที่มีการอนุรักษ์กว่างไทย และมีสนามชนกว่าง เพียงแห่งเดียวในจังหวัด พอถึงเดือนกันยานนของทุกปี จะมีคนที่ชื่นชอบการชนกว่าง นำกว่างประกบคู่ชนกัน
โดยสนามชนนกว่างของที่นี่ได้รับอนุญาตจากทางหน่วยงานราชการให้เป็นสถานที่ชนกว่างซึ่งเป็นกีฬาพื้นบ้านแล้ว ซึ่งทางชมรมอนุรักษ์กว่างไทยจังหวัดพะเยา ใช้สถานที่บ้านเลขที่ 225 ถนนบ่อบำบัดน้ำเสีย บ้านแม่ต๋ำเมืองชุม เป็นสถานที่ชนกว่าง เริ่มตั้งแต่เวลา 20.00 น.เป็นต้นไป เพราะกีฬาชนกว่างต้องชนเวลากลางคืนเท่านั้น
“ก่อนชนก็จะมีการประกบคู่เหมือนนักมวย หากได้คู่ก็นำไปลงกลอนไม้เพื่อชนกัน หากตัวใดชนะ ก็จะได้รับถ้วยรางวัล มอบให้ 1 ใบ และรางวัลตัวเมียสำหรับกว่างที่ชนะ 1 ตัว”
ซึ่งขณะนี้สนามชนกว่างของจังหวัดพะเยา ก็เริ่มมีบรรดาผู้เลี้ยงกว่างไทยจากหลายจังหวัดในภาคเหนือ นำกว่างมาชนกันที่นี่กันมากขึ้น ทำให้บรรยากาศการชนกว่างที่ จ.พะเยา เป็นไปด้วยความคึกคักทุกคืน โดยการชนกว่างนั้นก็จะชนกันไปจนถึงหมดฤดูกว่างกันเลย และจะกลับมาชนอีกครั้งก็ราวเดือนกันยายนของปีถัดไป
ทั้งนี้ ฤดูกาลชนกว่าง จะมีในช่วงเดือนกันยายนของทุกปีเป็นต้นไป พอถึงฤดูกว่างก็จะมีบรรดาผู้เลี้ยงกว่างชน ทั้งใน และต่างจังหวัดของภาคเหนือ เช่น จังหวัดลำปาง เชียงใหม่ น่าน เชียงราย แพร่ และพะเยา จะนำเอากว่างของตัวเองมาประกบคู่ชนกัน เพราะกีฬาพื้นบ้านชนกว่างจะมีเฉพาะภาคเหนือเพียงเท่านั้น ถือเป็นกีฬาพื้นบ้านอย่างหนึ่งที่สร้างความสนุกสนาน ความสามัคคี และเป็นการอนุรักษ์กว่างไทยให้คงอยู่ตลอดไป
