ชัยนาท - กรมชลประทาน แจ้งเตือน 7 จังหวัดลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง เตรียมรับมือระดับน้ำะเพิ่มสูงขึ้นอีก เหตุน้ำเหนือหลายจังหวัดเริ่มทยอยไหลลงมาสมทบ คาดระดับน้ำตอนล่างจะสูงขึ้นจากเดิมอีกประมาณ 70-90 เซนติเมตร
วันนี้ (23 ก.ย.) นายทองเปลว กองจันทร์ รองอธิบดีกรมชลประทาน ทำหนังสือลงวันที่ 23 ก.ย.2559 ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี และสุพรรณบุรี แจ้งเตือนสถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยา โดยขอความอนุเคราะห์ให้ทางจังหวัดประกาศประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยานอกคันกั้นน้ำ ให้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำเอ่อล้นตลิ่ง และเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
สืบเนื่องจากในช่วงวันที่ 12-18 กันยายน 2559 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีร่องมรสุมพาดผ่านบริเวณภาคเหนือ ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับพายุ “ราอี (RAI,1615)” เคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณเมืองดานัง ประเทศเวียดนาม และเข้าสู่ประเทศไทย ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนาแน่น ต่อม าในวันที่ 19-20 กันยายน 2559 ร่องมรสุมได้เคลื่อนลงมาพาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ทำให้เกิดฝนตกหนักถึงหนักมากในวันที่ 20 กันยายน 2559 บริเวณจังหวัดลำปาง กำแพงเพชร แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์ และนครสวรรค์ ทำให้มีปริมาณน้ำท่าตามธรรมชาติเป็นจำนวนมากในแม่น้ำสายหลัก และลำน้ำสาขา ส่งผลให้มีน้ำไหลลงสู่แม่น้ำวัง แม่น้ำปิง แม่น้ำยม และแม่น้ำน่าน ก่อนไหลลงมารวมกันที่แม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดนครสวรรค์
สถานการณ์น้ำล่าสุด เมื่อเวลา 15.00 น. (23 ก.ย.) ระดับน้ำที่สถานี C2 อ.เมืองนครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,626 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมีน้ำหลากจากแม่น้ำสะแกกรัง ในพื้นที่จังหวัดอุทัยธานี ไหลลงมาสมทบกับแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยา อีกทั้งมีฝนตกชุกกระจายทั่วทั้งในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ทำให้ไม่สามารถรับน้ำเข้าระบบชลประทานได้เต็มศักยภาพ จึงทำให้มีปริมาณน้ำไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างเพิ่มมากขึ้น
โดยล่าสุด เมื่อเวลา 15.00 น. (23 ก.ย.) มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา 1,602 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าจะมีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาประมาณ 1,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ตามลำดับ ซึ่งจะส่งผลให้พื้นที่ริมน้ำมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันตั้งแต่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ลงมาถึงบริเวณอำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประมาณ 70-90 เซนติเมตร
ทั้งนี้ ยังต้องเฝ้าระวังหากมีฝนตกลงเพิ่มเติมจะส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยามากกว่าเกณฑ์ดังกล่าวจะได้แจ้งให้ทราบต่อไป
