อุบลราชธานี - ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง จ.อุบลราชธานี ประกาศเตือนอิทธิพลพายุ “ราอี” ทำให้จังหวัดในอีสานตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ขณะจังหวัดระดมกำลังทุกฝ่ายเข้าเตรียมพร้อมช่วยเหลือประชาชนตามพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมใน 6 อำเภอ ขณะที่น้ำเริ่มไหลท่วมถนนสายเศรษฐกิจในเทศบาลเมืองวารินชำราบ โดยมีน้ำท่วมสูงประมาณ 5-15 เซนติเมตร
บรรยากาศเช้าวันนี้ (13 ก.ย.) ได้มีฝนตกกระจายทั่วทั้งจังหวัดอุบลราชธานี ตั้งแต่ช่วงกลางดึกที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันฝนไม่มีท่าทีจะหยุด แต่กลับมีปริมาณฝนตกเพิ่มมากขึ้น ซึ่งศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง จ.อุบลราชธานี โดยว่าที่ ร้อยตรี ธนะสิทธิ์ เอี่ยมอนันชัย ผู้อำนวยการศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง จ.อุบลราชธานี ได้ประกาศเตือนภัยเรื่องอิทธิพลของพายุราอีว่า
เมื่อเช้ามืดวันนี้พายุดีเปรสชันบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลางได้ทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน “ราอี” มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 150 กิโลเมตร ทางตะวันออกของเมืองดานัง ประเทศเวียดนาม โดยมีความเร็วลมสูงสุดประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และกำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือความเร็ว 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
และจะเคลื่อนตัวเข้าประเทศไทยทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือในวันนี้ และอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันและหย่อมความกดอากาศต่ำตามลำดับ หลังจากนั้นจะเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือต่อไป
ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ บริเวณจังหวัดมุกดาหาร ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี สุรินทร์ บุรีรัมย์ และนครราชสีมา จึงขอให้ประชาชนตามพื้นที่ดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย พร้อมให้ติดตามรายงานสภาพอากาศในช่วงนี้อย่างใกล้ชิด
ด้านการเตรียมรับมือกับอิทธิพลของพายุ นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี สั่งให้กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดจัดเตรียมกำลังพล วัสดุอุปกรณ์ เพื่อเข้าช่วยเหลือพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมกรณีน้ำหลากใน 6 อำเภอ 9 ตำบล 32 หมู่บ้าน ประกอบด้วย อ.พิบูลมังสาหาร ศรีเมืองใหม่ สิรินธร นาจะหลวย น้ำขุ่น น้ำยืน ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ล่าสุดหลังมีฝนตกติดต่อกันกว่า 6 ชั่วโมง ทำให้เริ่มมีน้ำท่วมขังบริเวณผิวการจราจรถนนวาริน-กันทรลัก ษ์ระยะทางยาวประมาณ 300 เมตร ในเขตเทศบาลเมืองวารินชำราบ ซึ่งเป็นย่านการค้าสำคัญของอำเภอ เจ้าหน้าที่เทศบาลและสำนักชลประทานได้เดินเครื่องสูบน้ำที่นำมาติดตั้งไว้ก่อน ระบายน้ำออกจากถนนลงสู่แหล่งรองรับน้ำ เพื่อให้ยานพาหนะสามารถแล่นผ่านไปได้ โดยมีระดับท่วมสูง 5-15 เซนติเมตร