สุรินทร์ - น่าเวทนาวอนช่วย! “น้องจ่อย” เด็ก 5 ขวบเมืองช้างป่วยเป็นโรคภูมิประสาทลำไส้ไม่ทำงาน ท้องโตสุดทรมาน ผ่าตัดมาแล้ว 3 ครั้ง ต้องให้อาหารทางเส้นเลือดดำ ขับถ่ายทางหน้าท้อง หากหิวต้องกินทางปากเคี้ยวแล้วต้องคายคืนออกมา และเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น อาศัยอยู่กับตายายฐานะยากจน
วันนี้ (12 ก.ย. ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พบเด็กป่วยเป็นโรคภูมิประสาทลำไส้ไม่ทำงานได้มารักษาตัวที่โรงพยาบาลสุรินทร์ จึงได้ประสานกับทางญาติเพื่อสอบถามถึงอาการของน้องที่ป่วย ทราบชื่อคือ ด.ช.พรพรหม ม่วงอ่อน หรือ “น้องจ่อย” อายุ 5 ขวบ อาศัยอยู่กับนายเดชา ม่วงอ่อน อายุ 54 ปี และนางถาวร ม่วงอ่อน อายุ 48 ปี ซึ่งเป็น ตา-ยาย ส่วนพ่อและแม่เด็กได้ไปทำงานอยู่ต่างจังหวัดนานๆ จะกลับมาบ้านครั้งหนึ่ง โดยทั้งหมดอยู่บ้านเลขที่ 129 ม. 13 บ้านโชคชัย ต.ตรวจ อ.ศรีณรงค์ จ.สุรินทร์
สำหรับ ด.ช.พรพรหม เมื่อคลอดออกมายังคงปกติเหมือนเด็กทั่วไป แต่พออายุได้ 6 เดือนเกิดอาการท้องอืดขับถ่ายไม่ออก จึงได้พาไปพบหมอที่โรงพยาบาล หมอได้ทำการสวนทวารให้จนเด็กกลับมาเป็นปกติ แต่ต่อมาไม่นานก็เกิดอาการแบบเดิมอีก และรุนแรงขึ้น ท้องเริ่มบวมใหญ่ขึ้นมา แพทย์ได้ทำการรักษาและผ่าตัดลำไส้ให้ตอนอายุได้ 1 ขวบ 4 เดือน ปัจจุบันน้องจ่อยอายุ 5 ขวบ ผ่าตัดมาแล้ว 3 ครั้ง ต้องให้อาหารทางเส้นเลือดดำ ขับถ่ายทางหน้าท้องที่แพทย์ได้เจาะไว้ให้ และต้องคอยดูแลให้สารอาหารและน้ำเกลืออย่างใกล้ชิตตลอดเวลา หากน้องหิวอยากกินทางปากให้เคี้ยวได้ แต่ต้องคายคืนออกมาไม่ให้กลืนลงไปเพราะจะทำให้ไปติดหรือตกค้างภายใน
นอกจากนี้แพทย์ทางโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ที่กรุงเทพฯ นัดให้ไปตรวจรักษาทุกเดือน และนัดเฉพาะวันจันทร์ กับวันพุธ ทำให้ตายายต้องลำบากเสียค่าใช้จ่ายทั้งการเดินทาง ที่พัก และการกินอยู่ต่างๆ งานประจำที่ตาทำอยู่เป็นลูกจ้างประจำ อบต.ตรวจ แทบไม่ได้ไปทำงานเพราะจำเป็นต้องเดินทางไปเพราะต้องการรักษาหลานชายให้ดีที่สุด ยิ่งทำให้ครอบครัวเป็นอยู่ลำบากมากขึ้น หากผู้ใจบุญต้องการช่วยเหลือสามารถโทรศัพท์ติดต่อมาได้ที่หมายเลข 09-1828-4410
นายเดชา ม่วงอ่อน ตาของน้องจ่อย กล่าวว่า น้องป่วยเป็นโรคภูมิประสาทลำไส้ไม่ทำงานมาตั้งแต่เกิด และเริ่มผ่าตัดอายุประมาณ 1 ขวบ 4 เดือน และป่วยบ่อย ส่วนการกินอาหารต้องให้สารอาหารทางเส้นเลือดดำ โดยการเจาะและต่อท่อให้อาหารห้อยไว้บริเวณชายโครงด้านขวา ส่วนการขับถ่ายหมอต่อถุงถ่ายอุจจาระที่ต่อจากลำไส้ห้อยไว้ข้างนอกบริเวณใต้ท้อง
โดยหมอโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กรุงเทพฯ นัดให้ไปตรวจรักษาทุกเดือน บางครั้งน้องป่วยหนักติดเชื้อจำเป็นต้องพามารักษาที่โรงพยาบาลสุรินทร์ใกล้บ้านแทน ตนทำงานเป็นลูกจ้างที่ อบต.ตรวจ แทบจะไม่ได้ทำงาน แพทย์บอกว่าให้ดูแลและรักษาน้องไปเรื่อยๆ โอกาสหายคงมีน้อยเพราะไม่มียาไปกระตุ้นลำไส้ให้ทำงาน หากดูแลดีอาจอยู่ได้ ส่วนแม่ของเด็กไปอยู่กับสามี นานครั้งจะแวะเวียนมาเยี่ยม เวลาน้องป่วยจะรู้สึกปวดท้องไข้ขึ้นบ่อยต้องรีบพาไปโรงพยาบาล
“หากวันไหนที่ไฟฟ้าดับต้องพาน้องไปตระเวนหาไฟฟ้าหมู่บ้านอื่นที่ไฟไม่ดับ เพราะต้องใช้เครื่องไฟฟ้าในการให้สารอาหาร ให้น้ำเกลือ ซึ่งต้องใช้เวลานาน 14 ชั่วโมงต่อวัน ตั้งแต่เวลา 6 โมงเย็นถึง 6 โมงเช้า และอยากได้รถเข็นเพราะตอนนี้เขาเดินไม่ค่อยไหวแล้ว” นายเดชากล่าวในตอนท้าย