ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - วัดดังเชียงใหม่ยืนยันไม่เคยเปิดบริการห้องพักเหมือนโรงแรม ระบุชัดภาพที่มีการเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียเป็นภาพปลอม ยอมรับวัดมีห้องพัก 11 ห้อง ปรับปรุงจากศาลาการเปรียญเก่า แต่รับเฉพาะพระสงฆ์ที่ป่วยหรือมาปฏิบัติศาสนกิจจากต่างจังหวัดแล้วไม่มีที่พักเท่านั้น โดยในห้องพักมีสิ่งอำนวยความสะดวกตามสมควร เช่น โทรทัศน์ ตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่น แอร์ เป็นต้น แต่ไม่หรูหราถึงขั้นมีอ่างอาบน้ำ
วันนี้(5 ก.ย.59) ที่วัดอู่ทรายคำ ตำบลช้างม่อย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ นายจักขุบาล ธนัญชัย ที่ปรึกษาวัดอู่ทรายคำ ชี้แจงกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพทางโซเชียลมีเดียเป็นภาพห้องพักที่ดูคล้ายห้องพักโรงแรมที่มีการตกแต่งอย่างดีและสวยงาม พร้อมทั้งมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันและบริการอาหารเช้า พร้อมระบุว่าเป็นบริการของทางวัดอู่ทรายคำ โดยผู้ที่เข้าพักมีทั้งพระสงฆ์ และคนทั่วไปที่เข้าพักเป็นหมู่คณะหรือครอบครัวที่ประกอบทั้งผู้ชาย,ผู้หญิง และเด็กด้วย ซึ่งก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้างเกี่ยวกับความเหมาะสม
โดยที่ปรึกษาวัดอู่ทรายคำ เปิดเผยว่า ทางวัดไม่เคยเปิดให้บริการห้องพักในลักษณะคล้ายหรือเหมือนกับโรงแรมตามที่มีการเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียและที่ตกเป็นข่าวแต่อย่างใด มีแต่เพียงเปิดให้เป็นที่พักสำหรับพระสงฆ์ที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดเพื่อรอเข้ารับการรักษาอาการเจ็บป่วยหรือปฏิบัติภารกิจทางศาสนาเท่านั้น ซึ่งทางวัดทำเช่นนี้ต่อเนื่องมานานประมาณ 30 ปี แล้ว ตั้งแต่จากเดิมที่อาคารดังกล่าวเป็นศาลาการเปรียญและได้ทำการปรับปรุงดัดแปลงให้ดีขึ้นอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันที่มีห้องพักทั้งหมด 11 ห้อง
ทั้งนี้ยืนยันว่าห้องพักดังกล่าวให้พักเฉพาะพระสงฆ์เท่านั้น โดยไม่เคยกำหนดอัตราค่าใช้จ่ายในการเข้าพัก แต่ให้บริจาคตามกำลังหรือไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเลยก็ได้ ส่วนในกรณีที่เป็นคนทั่วไปที่เป็นผู้ติดตามพระสงฆ์หรือในกรณีที่เดินทางมาเป็นหมู่คณะจากต่างจังหวัดเพื่อทำบุญ ถ้าทางวัดอนุญาตให้พักก็จะให้นอนรวมกันบริเวณศาลาพักศพเท่านั้น โดยจะไม่ให้เข้าพักให้ห้องพักทั้ง 11 ห้องอย่างเด็ดขาด
สำหรับภาพที่มีการเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดียนั้น นายจักขุบาล ระบุว่า จากการให้ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญตรวจสอบเบื้องต้นเชื่อว่าน่าจะเป็นภาพปลอมที่มีการตัดต่อ และยืนยันว่าไม่ใช่ภาพห้องพักของทางวัดแต่อย่างใด แต่ยอมรับว่ามีความพยายามทำภาพออกมาจนดูใกล้เคียงกันมาก แม้แต่ภาพประดับที่มีการติดผนัง เป็นต้น ซึ่งไม่ทราบเจตนาของผู้ที่มีการเผยแพร่ภาพออกไป ขณะที่ภาพผู้หญิงหวีผมที่มีการระบุว่าเป็นผู้หญิงที่เคยเข้าพักในห้องพักของทางวัดนั้น ยืนยันเช่นกันว่า ไม่ใช่ที่ห้องพักของวัดอู่ทรายคำอย่างแน่นอน เพราะไม่เคยมีการให้ผู้หญิงเข้านอนพักในห้องพักดังกล่าว
ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่มีในห้องพักของวัด เช่น โทรทัศน์ ตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่น หรือเครื่องปรับอากาศ เป็นต้น นั้น นายจักขุบาล ยอมรับว่าห้องพักของวัดมีสิ่งอำนวยความสะดวกดังกล่าวจริง แต่เป็นของญาติโยมที่นำมาถวายวัดจึงไม่สามารถปฏิเสธได้ แต่ยืนยันว่าในห้องพักไม่มีอ่างอาบน้ำแต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน ที่ปรึกษาวัดอู่ทรายคำ กล่าวถึงกรณีอาคารสูง4 ชั้น ของวัดที่กำลังดำเนินการก่อสร้างอยู่ติดกับหอไตรไม้เก่าอายุกว่าร้อยปีว่า อาคารดังกล่าวทางวัดจะก่อสร้างเป็นศาลาพักสำหรับพระสงฆ์ โดยรื้อถอนกุฏิเดิมที่ชำรุดทรุดโทรมแล้วสร้างใหม่ เพื่อให้เป็นกุฏิใหม่สำหรับพระสงฆ์ของวัด และขยายการรองรับพระสงฆ์จากต่างจังหวัดหรือต่างประเทศเพิ่มเติมจากอาคารเดิมที่มีห้องพัก 11 ห้อง ซึ่งอาคารหลังใหม่จะทำเป็นห้องพักรวม 40 เตียง ทั้งนี้ล่าสุดหลังจากที่มีข้อท้วงติงว่าก่อสร้างใกล้หอไตร ทางวัดได้มีการปรับแบบก่อสร้างเหลือเพียง 3 ชั้น และกำลังยื่นขออนุญาตก่อสร้าง โดยยืนยันว่าจะไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อหอไตรไม้เก่าอายุกว่าร้อยปีอย่างแน่นอน
นายสนั่น ช่างปรุง นักวิชาการศาสนา สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเดินทางมาตรวจสอบข้อมูลที่วัดอู่ทรายคำ ในวันนี้(5 ก.ย.59) เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นและการสอบถามข้อมูลจากทางวัดทราบว่า ทางวัดได้ทำศาสนกิจในการจัดที่พักตามความเหมาะสมให้กับพระที่เดินทางมาจากที่อื่นอยู่แล้วนานกว่า 20 ปี ตั้งแต่ที่เป็นเพียงศาลาจนมีการปรับปรุงให้มีความทันสมัยและสะดวกสบายมากขึ้นอย่างในปัจจุบัน แต่ไม่ได้มีการเปิดบริการเป็นโรงแรมแต่อย่างใด เนื่องจากไม่มีการเก็บค่าห้องพัก พร้อมทั้งได้รับการยืนยันด้วยว่า ไม่มีการเปิดให้คนทั่วไปเข้าพัก ยกเว้นในช่วงทอดกฐินหรือทอดผ้าป่าเท่านั้น ที่จะให้คนทั่วไปพักในวัดได้ แต่ก็ไม่ใช่ในห้องพักของพระสงฆ์
ส่วนกรณีภาพที่มีการเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียระบุว่าเป็นห้องพักของวัด ซึ่งมีความสะดวกสบาย จนเกิดกระแสวิจารณ์อย่างมากนั้น นายสนั่น กล่าวว่า เบื้องต้นทางคณะกรรมการวัดยืนยันว่าเป็นภาพที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงและไม่ใช่ภาพห้องพักของทางวัด ซึ่งทางวัดกำลังจะเร่งดำเนินการตรวจสอบหาแหล่งที่มีของภาพ ในขณะที่ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ จะร่วมตรวจสอบด้วยเพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงทั้งหมด ซึ่งจะได้เป็นการสร้างความกระจ่างและคลายข้อสงสัยของสังคมให้เกิดความชัดเจน