บุรีรัมย์ - กลุ่มสำนึก 300 องค์ ร่วมชมรมจักรยาน และประชาชนชาว จ.บุรีรัมย์ จัดกิจกรรมปั่นจักรยาน และเสวนาปลุกกระแสทวงคืนพระโพธิสัตว์ปลายบัด 2 และทับหลังปราสาทหนองหงส์ ที่ถูกลักลอบนำออกนอกประเทศกลับคืนมาเป็นสมบัติชาติ พร้อมทำเว็บไซต์ลงชื่อทวงคืนตั้งเป้า 1 แสนรายชื่อ
วันนี้ (3 ก.ย.) กลุ่มสำนึก 300 องค์ ร่วมกับชมรมจักรยาน ผู้นำท้องถิ่น และประชาชน ชาว อ.ละหานทราย เฉลิมพระเกียรติ โนนดินแดง ปะคำ และ อ.บ้านกรวด กว่า 300 คน ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมปั่นจักรยานจากบริเวณองค์การบริหารส่วนตำบลยายแย้มวัฒนา อ.เฉลิมพระเกียรติ ผ่านหมู่บ้านต่างๆ ขึ้นไปยังเขาปลายบัด 2 ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร พร้อมทั้งมีการติดป้าย และจัดเสวนาเพื่อเป็นการปลุกกระแสให้หน่วยงานภาครัฐ และประชาชนคนไทย
ทั้งนี้ เพื่อร่วมกันทวงคืนพระโพธิสัตว์ และพุทธปฏิมาสำริดปลายบัด 2 รวมถึงทับหลังปราสาทหนองหงส์ ซึ่งเป็นสมบัติอันล้ำค่าของชาติที่มีอายุกว่า 1,000 ปีกลับคืนมา
หลังพบว่าได้มีกลุ่มนักล่าสมบัติเข้ามาลักลอบขุดค้นหาวัตถุโบราณ หรือของมีค่าในโบราณสถานต่างๆ ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ แล้วส่งขายออกนอกประเทศ ซึ่งขณะนี้ก็พบมีการจัดแสดงอยู่ตามพิพิธภัณฑ์ในหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส แคนาดา อังกฤษ และเนเธอร์แลนด์
ทั้งนี้ อ.ทนงศักดิ์ หาญวงษ์ นักวิชาการอิสระยังได้มาร่วมให้ความรู้ถึงประวัติความเป็นมา และความสำคัญของวัตถุโบราณต่างๆ ที่ถูกลักลอบนำออกนอกประเทศด้วย เพื่อให้ประชาชนเกิดความรัก ความหวงแหน และร่วมอนุรักษ์สมบัติชาติดังกล่าวด้วย
นายสมชัย กอชัยศิริกุล นายกเทศมนตรีตำบลโนนดินแดง กล่าวว่า การจัดกิจกรรมในครั้งนี้เพื่อเป็นการปลุกกระแสให้หน่วยงานภาครัฐ และประชาชนร่วมในการทวงคืนวัตถุโบราณที่ถูกลักลอบนำออกต่างประเทศกลับคืนมาเป็นสมบัติของชาติ พร้อมกันนี้ ทางเทศบาล ต.โนนดินแดง ยังจะได้ร่วมกับ อบต. และเทศบาลต่างๆ จัดทำเว็บไซต์ให้ประชาชนลงชื่อเพื่อร่วมในการแสดงพลังทวงคืนด้วย ซึ่งขณะนี้มีประชาชนมาร่วมลงชื่อแล้วกว่า 10,000 รายชื่อ จากที่ตั้งเป้าไว้ 100,000 รายชื่อ
จากนั้นจะรวบรวมส่งอธิบดีกรมศิลปากร และนายกรัฐมนตรี เพื่อหาแนวทางทวงคืนวัตถุโบราณที่สูญหายกลับมาเป็นสมบัติชาติอีกด้วย
ด้าน นายจำรัส เวียงสงค์ ในฐานะประชาชนชาว อ.ประโคนชัย ที่มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้บอกว่า วัตถุโบราณทุกชิ้นของไทยล้วนเป็นสมบัติอันล้ำค่า จึงอยากให้ทางรัฐบาล หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้หาแนวทางทวงคืนกลับมา ซึ่งประชาชนเองก็เป็นพลังหนึ่งที่จะร่วมขับเคลื่อนในการทวงคืน พร้อมทั้งจะปลุกจิตสำนึกให้เยาวชน ลูกหลานได้ร่วมกันอนุรักษ์ หวงแหนโบราณสถาน และวัตถุโบราณต่างๆ อย่าปล่อยให้ใครมาทำลาย หรือลักขโมย เพื่อจะได้เป็นสมบัติชาติในอนาคตสืบไป