บุรีรัมย์ - เจ้าของรถบัสสายร้อยเอ็ด-บุรีรัมย์ขอให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมายโชเฟอร์โหดก่อเหตุทุบศีรษะฆ่าชิงทรัพย์ผู้โดยสารหญิงวัย 56 ปีให้ได้รับโทษต่อสิ่งที่กระทำ หลังล่าสุดตำรวจจับกุมตัวได้แล้ว พร้อมยอมรับหลังเกิดเหตุทำสูญรายได้และขาดความเชื่อมั่นเรื่องความปลอดภัย ผวาเจ๊งไม่มีผู้โดยสารกล้าใช้บริการอีก เผยมอบเงินช่วยเหลือเหยื่อแล้วจำนวนหนึ่ง
วันนี้ (30 ส.ค.) ความคืบหน้ากรณีที่ นายวัชรินทร์ ประทุมพร อายุ 26 ปี คนขับรถโดยสารประจำทางมินิบัสของ บริษัท ร้อยเอ็ดเฉลิมเกียรติสวัสดิ์ จำกัด สายร้อยเอ็ด-บุรีรัมย์ หมายเลขทะเบียน 10-4458 ร้อยเอ็ด ก่อเหตุใช้ค้อนปอนด์ทุบศีรษะ นางบุญเพ็ง ปัญโญ อายุ 56 ปี ผู้โดยสารที่นั่งมาในรถบัสคันดังกล่าว ระหว่างวิ่งออกนอกเส้นทางบริเวณถนนระหว่างหมู่บ้านดงบากไปบ้านเหล่าน้อย ต.นาสีนวล อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม เมื่อคืนวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา จนเหยื่ออาการสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ก่อนชิงทรัพย์สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท และสร้อยข้อมืออีก 1 บาทหลบหนีนั้น
ล่าสุดนายสุพิศ วัตรสุนทร อายุ 38 ปี เจ้าของรถบัสคันเกิดเหตุ เปิดเผยว่า ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วว่าสามารถติดตามจับกุมตัวนายวัชรินทร์ โชเฟอร์โหดได้แล้วที่ อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม จึงเตรียมเดินทางจาก จ.บุรีรัมย์ ไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พยัคฆภูมิพิสัย ท้องที่เกิดเหตุเพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ
พร้อมทั้งเพื่อไปติดต่อเรื่องรถบัสคันที่นายวัชรินทร์ใช้ก่อเหตุว่าจะสามารถนำรถออกมาได้ตอนไหนเพราะมีรถเพียงคันเดียวที่นำมาวิ่งร่วม ซึ่งหลังเกิดเหตุตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมาต้องขาดรายได้จากการวิ่งรถบัสซึ่งถือเป็นรายได้หลัก
อย่างไรก็ตาม หลังทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวนายวัชรินทร์ได้แล้ว รู้สึกคลายความกังวลจากที่ก่อนหน้านี้ต้องอยู่ในภาวะเครียดหนักเพราะเกรงว่าคดีจะยืดเยื้อยาวนานซึ่งจะทำให้ไม่สามารถนำรถออกไปวิ่งได้ แต่หลังจากจับกุมได้แล้วมั่นใจว่าคดีจะคลี่คลายโดยเร็ว ซึ่งจะสามารถนำรถออกมาประกอบอาชีพได้เร็วขึ้นด้วย พร้อมขอขอบคุณตำรวจที่สามารถติดตามจับกุมตัวได้โดยเร็ว
นายสุพิศกล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องคดีให้เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมาย เพราะผู้กระทำผิดต้องได้รับโทษกับสิ่งที่กระทำ ซึ่งสิ่งที่นายวัชรินทร์กระทำไม่ได้ส่งผลต่อตัวนายวัชรินทร์คนเดียว แต่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อผู้ประกอบอาชีพรถโดยสารสาธารณะ ทำให้ผู้โดยสารขาดความเชื่อมั่นในเรื่องความปลอดภัยที่จะใช้บริการรถโดยสารในการเดินทาง โดยเฉพาะตนนอกจากจะเสียค่าซ่อมบำรุงรถแล้ว หากนำออกมาวิ่งอีกไม่รู้ว่าจะมีผู้โดยสารกลับมาใช้บริการเป็นปกติหรือไม่
จึงฝากวิงวอนผู้โดยสารหรือประชาชนเห็นใจ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำของตัวบุคคลอย่าเหมารวมทั้งหมด หลังจากนี้จะตรวจสอบผู้ที่จะมาทำหน้าที่เป็นโชเฟอร์ให้รอบคอบกว่านี้ ส่วนตัวเองจะไม่ปล่อยให้คลาดสายตาเหมือนที่ผ่านมา
ส่วนเรื่องการช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต เบื้องต้นได้มอบเงินช่วยเหลือแล้วจำนวนหนึ่ง ส่วนเรื่องประกันต้องหารือกับทางบริษัทอีกครั้งหนึ่ง เพราะเท่าที่ทราบมีเพียงประกันอุบัติเหตุรวมเฉพาะเส้นทางวิ่ง แต่เหตุที่เกิดขึ้นเกิดนอกเส้นทาง