บุรีรัมย์ - เจ้าของรถบัสสายร้อยเอ็ด-บุรีรัมย์ วอนโชเฟอร์ที่ก่อเหตุทุบศีรษะผู้โดยสารหญิงวัย 56 ปีสาหัส และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลก่อนชิงทรัพย์เหยื่อหลบหนีเข้ามอบตัวรับผิด ชี้หากหลบหนีไม่เป็นผลดีต่อทุกฝ่าย ชี้เหตุที่เกิดขึ้นกระทบภาพลักษณ์ธุรกิจรถโดยสาร
วันนี้ (29 ส.ค.) จากกรณีที่นายวัชรินทร์ ประทุมพร อายุ 37 ปี คนขับรถโดยสารประจำทางมินิบัสของบริษัท ร้อยเอ็ดเฉลิมเกียรติสวัสดิ์ จำกัด สายร้อยเอ็ด-บุรีรัมย์ หมายเลขทะเบียน 10-4458 ร้อยเอ็ด
หมายเลขข้างรถ 275-6 ก่อเหตุใช้ค้อนปอนด์ทุบศีรษะนางบุญเพ็ง ปัญโญ อายุ 56 ปี ผู้โดยสารที่นั่งมาในรถบัสคันดังกล่าว ขณะที่วิ่งรถออกนอกเส้นทางบริเวณถนนระหว่างหมู่บ้านดงบากไปบ้านเหล่าน้อย ต.นาสีนวล อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม เมื่อคืนวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา จนเหยื่ออาการสาหัสและเสียชีวิตที่โรงพยาบาล ก่อนโชเฟอร์โหดจะชิงทรัพย์สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท และสร้อยข้อมืออีก 1 บาทหลบหนี
เหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างความสะเทือนใจและหวาดกลัวแก่ผู้โดยสารที่ใช้บริการรถทัวร์หรือรถบัสในการเดินทางเป็นอย่างมาก เพราะที่ผ่านมายังไม่เคยเกิดเหตุในลักษณะนี้มาก่อน
ล่าสุด นายสุพิศ วัตรสุนทร อายุ 38 ปี เจ้าของรถบัสคันเกิดเหตุเล่าว่า ปกติจะนั่งไปกับรถบัสคันดังกล่าวประจำ และช่วงเช้าวันเกิดเหตุ (27 ส.ค.) ก็ได้นั่งไปในรถด้วยเหมือนทุกวัน โดยรถได้ออกจาก บขส.บุรีรัมย์เวลา 10.20 น. ปลายทางที่ บขส.ร้อยเอ็ด หลังจากส่งผู้โดยสารเสร็จตนก็ได้ไปขึ้นรถอีกคันกลับมาที่ จ.บุรีรัมย์ ส่วนนายวัชรินทร์ โชเฟอร์ก็จะขับรถเปล่ากลับมารอเข้าวินซอยที่ อ.พยัคหภูมิพิสัย ในเช้าวันรุ่งขึ้น แต่ระหว่างที่นายวัชรินทร์ตีรถเปล่ากลับมาระหว่างทางได้แวะรับผู้โดยสารคือนางบุญเพ็ง
โดยพลการ และไม่ทราบว่ามีจุดประสงค์อะไร
กระทั่งเวลาประมาณ 22.00 น.คืนเดียวกัน เสมียนบริษัทฯ ได้โทรศัพท์มาแจ้งว่ารถบัสคันดังกล่าวได้วิ่งออกนอกเส้นทาง และพบผู้โดยสารถูกทำร้ายทิ้งร่างไว้ภายในอาการสาหัสจึงรีบเดินทางไปตรวจสอบ และทราบว่านายวัชรินทร์ได้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายและชิงทรัพย์ผู้โดยสาร จากนั้นก็พยายามโทรศัพท์ติดต่อนายวัชรินทร์แต่ติดต่อไม่ได้ คาดว่าน่าจะหลบหนีไปแล้ว
ส่วนเหตุจูงใจที่นายวัชรินทร์ก่อเหตุอย่างโหดเหี้ยมกับผู้โดยสารในครั้งนี้ยังไม่ทราบว่าเกิดจากอะไร เพราะตลอดเวลาที่นายวัชรินทร์ได้มาขับรถให้เป็นเวลา 6 เดือนก็ไม่เคยมีพฤติกรรมก้าวร้าวหรือมีเรื่องกับใคร ตรงกันข้ามเป็นคนขยันทำงานมากกว่า และที่ผ่านมาก็ไม่เคยบ่นให้ฟังเกี่ยวกับปัญหาเรื่องเงินหรือหนี้สินเลย ซึ่งตนจะให้ค่าจ้างขับรถวันละ 500 บาท หากวันไหนได้กำไรก็จะแบ่งให้อีก 10 เปอร์เซ็นต์
“ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และธุรกิจรถโดยสารสาธารณะเป็นอย่างมาก เพราะผู้ใช้บริการเชื่อมั่นว่ารถโดยสารมีความปลอดภัย แต่กลับมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น” นายสุพิศเจ้าของรถบัสกล่าว และว่าอยากวิงวอนให้นายวัชรินทร์ โชเฟอร์ได้เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ และยอมรับผิด เพราะหากหลบหนีจะไม่ส่งผลดีต่อใคร พร้อมขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วย และพร้อมจะรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น