ลำปาง - ทหาร มทบ.32-ป่าไม้ พร้อมฝ่ายปกครอง จับ GPS-เทียบแผนที่ทางอากาศ ตรวจถนนทางหลวงชนบท “ลป.4041” พบลาดยางกว้าง 8 เมตร ยาว 9 กิโลฯ ผ่ากลางป่าสงวนแห่งชาติแม่เรียง แถมสองข้างทางมีคนปิกแนวเขตล้อมรั้วจับจองกันหมด เบื้องต้นสร้างเสร็จมา 4 ปี แต่ยังหาหนังสืออนุมัติไม่เจอ จนท.แจ้งความเอาผิดยกกระบิ
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี พล.ต.กิตติศักดิ์ แม้นเหมือน ผบ.มทบ.32 ได้สั่งให้กำลังเจ้าหน้าที่ทหารมณฑลทหารบกที่ 32 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เสริมงาม, เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ปูพรมตรวจค้นและตรึงกำลังในพื้นที่อำเภอเสริมงาม จ.ลำปาง เพื่อตรวจค้นบ้านผู้มีอิทธิพล ตรวจยึดคืนพื้นที่ป่าจากการบุกรุกของผู้มีอิทธิพล และชาวบ้าน ต่อเนื่องตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีการยึดคืนผืนป่าสงวนแห่งชาติแม่เรียงไว้แล้วกว่า 5,000 ไร่นั้น
ช่วงสายวันนี้ (29 ส.ค.) เจ้าหน้าที่ได้ลงสำรวจพื้นที่ต่อก็พบว่ามีการตัดถนนลาดยางตัดผ่านพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติแม่เรียง ความกว้าง 8 เมตร เป็นระยะทางยาวประมาณ 9 กิโลเมตร
เมื่อ พ.อ.ถิรวัฒน์ ศรีสุวรรณ หัวหน้ากองยุทธการมณฑลทหารบกที่ 32 พร้อมกำลังมณฑลทหารบกที่ 32 ร่วมกับว่าที่ร้อยตรี ศตวรรษ บุนนาค นายอำเภอเสริมงาม, นายประธาน รัตนพาณิชย์ ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง อ.เสริมงาม, นายชวลิต ไชยวรรณ ผู้ประสานงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อำเภอเสริมงาม ตัวแทนของสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดลำปาง และนายษเอม สันป่าแก้ว หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่า ลป. 5 (แม่กึ๊ด) เจ้าหน้าที่ อส.อำเภอเสริมงาม ร่วมกันเข้าตรวจสอบถนนเส้นดังกล่าว โดยหน่วยป่าไม้ได้นำ GPS และแผนที่ทางอากาศเข้ามาเปรียบเทียบพบว่าบริเวณถนนเส้นดังกล่าวได้ตัดผ่านกลางป่าสงวนแห่งชาติแม่เรียงจริง เบื้องต้นพบว่าเป็นถนนที่อยู่ในความดูแลของกรมทางหลวงชนบท
นายชวลิต ไชยวรรณ ผู้ประสานงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอำเภอเสริมงาม กล่าวว่า ที่จริงการที่จะเข้ามาสร้างถนนในพื้นที่ป่าสงวนฯ จะต้องมีการขออนุญาตผ่านสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่สำหรับถนนเส้นนี้คือถนนทางหลวงชนบท ลป.4041 จากการตรวจสอบไม่พบการขออนุญาตใช้พื้นที่
เบื้องต้นจะให้หน่วยป่าไม้ทำหนังสือสอบถามเป็นลายลักษณ์อักษรไปยังทางหลวงชนบทอีกครั้ง จากนั้นจึงได้ให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ และแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดตามกฎหมายต่อหน่วยงาน ตลอดผู้ที่บุกรุกและอนุมัติการจัดสร้างถนนสายดังกล่าวด้วย
ด้านนายษเอม สันป่าแก้ว หัวหน้าหน่วยป้องกันฯ กล่าวว่า การตัดถนนผ่านพื้นที่ป่าสงวนฯ ตามหลักของกฏหมายไม่สามารถทำได้ เว้นแต่จะมีเหตุอันควร รวมทั้งมีการขออนุญาต และได้รับการอนุญาตแล้วเท่านั้น ซึ่งจะต้องมีเหตุอันสมควร เป็นการอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชน ชุมชน แต่จากการที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบถนนทางหลวงชนบท ลป.4041 โดยใช้ระยะเวลากว่า 2 ชั่วโมง ไม่พบว่ามีรถวิ่งผ่านถนนเส้นดังกล่าว มีเพียงจักรยานยนต์ 1 คันเท่านั้น และบริเวณดังกล่าวก็ยังเป็นป่าอุดมสมบูรณ์ด้วยต้นไม้ใหญ่ เป็นแหล่งต้นน้ำในพื้นที่อำเภอเสริมงาม
นายษเอมบอกอีกว่า เท่าที่รู้ตอนนี้มีการสร้างถนนสายนี้ก่อนที่ตนเองจะย้ายเข้ามาอยู่ในพื้นที่ เรื่องนี้ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบแล้ว โดยการทำงานเจ้าหน้าที่จะแยกออกเป็นสองส่วน คือ ตรวจสอบจับกุมผู้บุกรุกแผ้วถางจับจองพื้นที่ป่าสงวนฯ ส่วนอีกชุดจะตรวจสอบแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่ทำถนนสายดังกล่าว
ขณะที่ว่าที่ร้อยตรี ศตวรรษ บุนนาค นายอำเภอเสริมงาม เปิดเผยว่า พื้นที่ดังกล่าวเดิมเป็นป่าแม่เรียง และมีการประกาศเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติแม่เรียง เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2518 โดยอยู่ในพื้นที่ตำบลเสริมขวา และตำบลทุ่งงาม กิ่งอำเภอเสริมงาม (ในอดีต) มีสภาพป่าที่อุดมสมบูรณ์ ประกอบด้วย ไม้ยาง ไม้ตะเคียน ไม้สัก ไม้ประดู่ ไม้ตะแบก ไม้เต็ง ไม้รัง ไม้รกฟ้า และไม้ชนิดอื่นๆ ที่มีค่า รวมถึงมีทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆ อีกจำนวนมาก สมควรกำหนดให้เป็นป่าสงวนแห่งชาติฯ เพื่อรักษาสภาพป่าไม้ของป่า และทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆไว้
จากการตรวจสอบพบว่า การสร้างถนนตัดพื้นที่กลางป่าสงวนแห่งชาติแม่เรียง เริ่มก่อสร้างและแล้วเสร็จเมื่อประมาณ 4 ปีที่ผ่านมา โดยด้านหน้าเป็นถนนลูกรังระยะทางประมาณ 150 เมตร จากนั้นจะเป็นถนนลาดยาง ตัดผ่านป่าสงวนแห่งชาติฯ ขณะที่สองข้างทางตลอดระยะทางที่ถนนผ่านจะมีชาวบ้านและกลุ่มผู้มีอิทธิพลเข้าปักเขตล้อมรั้วเพื่อยึดครองพื้นที่ป่าสงวนฯ และทำลายป่าไม้เป็นจำนวนมาก โดยเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ไม่กล้าที่จะเข้าจับกุมเนื่องจากเกรงกลัวอิทธิพล เพราะก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่เคยนำกำลังเข้าจับกุมตรวจยึดไม้เถื่อนแต่ก็ถูกกลุ่มผู้มีอิธิพลปลุกระดมชาวบ้านเข้าปิดล้อมและพยายามไล่เจ้าหน้าที่ออกจากพื้นที่
ต่อมาฝ่ายปกครองนำโดยนายอำเภอเสริมงาม มีการเรียกประชุมกำนันผู้ใหญ่บ้าน เพื่อรับทราบนโยบาย ปรากฏว่าไม่มีกำนัน หรือผู้ใหญ่บ้านมาร่วมประชุมเลยแม้แต่คนเดียว ขณะนี้เจ้าหน้าที่มีข้อมูลกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่อำเภอเสริมงามแล้ว อยู่ระหว่างการตรวจสอบและดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างจริงจังต่อไป