พระนครศรีอยุธยา - ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่กรุงเก่า เพื่อติดตามการบริหารจัดการขยะของอำเภอนครหลวง พร้อมสั่งกำชับท้องถิ่นบริหารจัดการขยะให้แล้วเสร็จภายในปี 60 พร้อมเสนอให้ทุกครัวเรือนแยกขยะ 100 เปอร์เซ็นต์
วันนี้ (24 ส.ค.) นางอัจจิมา จันทร์สุวานิชย์ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกัฐมนตรี และคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อติดตามการบริหารจัดการขยะของอำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งการลงพื้นที่ดังกล่าวเป็นการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้ตรวจราชการกระทรวง เขต 1 ซึ่งพบว่า เทศบาลตำบลนครหลวง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใกล้เคียง จะเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามาลงทุนให้เป็นโรงแปรรูปขยะ หรือ MRF ด้วยเงินลงทุนเกือบ 400 ล้านบาท โดยจัดให้เป็นศูนย์คัดแยกขยะ
ล่าสุด ได้เสนอให้กระทรวงมหาดไทย พิจารณาแล้ว เนื่องจากบ่อขยะดังกล่าวมีพื้นที่ 39 ไร่ ใช้งานมาแล้วกว่า 20 ปี มีปริมาณขยะในบ่อมากกว่า 2 หมื่นตัน นับวันจะมีเพิ่มมากขึ้น เป็นลักษณะการฝังกลบ และมักเกิดปัญหาไฟไหม้บ่อยครั้ง อย่างไรก็ตาม ได้กำชับให้เทศบาลตำบลนครหลวง พิจารณากลั่นกรองกรณีให้ภาคเอกชนมาลงทุน โดยให้คำนึงถึงประโยชน์ของราชการให้มากที่สุด พร้อมเสนอให้แยกขยะทุกครัวเรือน
“เทศบาลตำบลนครหลวงได้ดำเนินการที่จะมีโรงงานแยกขยะแล้วมาผลิต RDF ซึ่งเห็นรูปแบบแล้ว เป็นโครงการที่ดีที่จะสามารถทำเรื่องการกำจัดขยะได้ในระดับหนึ่ง ซึ่ง RDF จะเป็นพลังงานและเป็นเรื่องของเอกชนจะเข้ามาลงทุน สิ่งที่ติดอยู่คือ การจัดผลประโยชน์ระหว่างภาครัฐกับเอกชนไม่อยากให้ทางราชการเสียประโยชน์ เพื่อให้จังหวัดพระนครศรีอยุธยายังคงเป็นต้นแบบ”
นางอัจจิมา จันทร์สุวานิชย์ กล่าวด้วยว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นการติดตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเน้นการให้ความช่วยเหลือเกษตรกร คนยากจน และมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล ตำบลละ 5 ล้านบาท ซึ่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ดำเนินการเป็นไปตามนโยบาย และมีประสิทธิภาพ