xs
xsm
sm
md
lg

จนท.ฝ่าฝนลุยรื้อ “โรงเตี๊ยม-รีสอร์ตภูทับเบิก” เจ้าแรก คิวต่อไปมีอีก 15 ราย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เพชรบูรณ์ - เจ้าหน้าที่ผสานกำลังทั้งป่าไม้ ตำรวจ ทหาร พร้อม อส.รวมกว่าครึ่งพัน เดินหน้ารื้อรีสอร์ตหรู “ภูทับเบิก” เริ่มที่ “โรงเตี๊ยม” เป็นรายแรกท่ามกลางสายฝน-ลมแรง-หมอกจัด คิวต่อไปอีก 15 รีสอร์ตดัง ขณะที่เจ้าของพยายามโต้ อ้างไม่ได้รับความเป็นธรรม

วันนี้ (19 ส.ค.) นายบัณฑิตย์ เทวีทิวารักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์, นายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้, นายพุฒิพัฒน์ เลิศชวสิทธิ์ อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ, นายณรงค์ คงคำ รองอธิบดีกรมพัฒนาสังคมฯ นำคณะเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ตำรวจ ทหาร และ อส.จำนวนราว 650 นาย เปิดปฏิบัติการรื้อถอน 19 รีสอร์ตบนภูทับเบิก ท่ามหลางสายฝน ลมแรง หมอกจัด หลังครบกำหนดเวลา 7 วัน ล่าสุดเหลือเพียง 16 รีสอร์ตที่ยังดื้อเแพ่งไม่ยอมรื้อถอน โดยเป้าหมายแรกคณะเจ้าหน้าที่เข้าทำการรื้อถอนที่โรงเตี๊ยมรีสอร์ต เมื่อเจ้าหน้าที่นำคำสั่งเข้าแจ้งต่อนายกุญช์ภัสส์ พัฒนฉัตรรุ่งรุจ เจ้าของรีสอร์ต ก็พยายามโต้แย้งโดยอ้างไม่ได้รับความเป็นธรรม และยังถามหาความรับผิดชอบหากสิ่งของและทรัพย์สินได้รับความเสียหาย พร้อมระบุด้วยว่าด้วยระยะเวลาเพียง 1 เดือนหากให้ขนย้ายทรัพย์สินคงไม่ทัน และเป็นช่วงฝนตกทำให้เป็นอุปสรรค

อย่างไรก็ตาม นายประจักษ์ และนายชาญชัย กล่าวย้ำเพียงว่าต้องปฏิบัติตามหน้าที่ จากนั้นเจ้าหน้าที่ทั้งหมดมีการแยกทำภารกิจที่ได้รับมอบหมาย โดยเริ่มจากการตัดกระแสไฟฟ้าพร้อมยึดมิเตอร์ และเข้าสำรวจสิ่งของและทรัพย์สินสังหาริมทรัพย์ภายในรีสอร์ตดังกล่าว พร้อมกับถ่ายบันทึกภาพทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวไว้เป็นหลักฐาน จัดทำบัญชีก่อนจะลงมือขนย้ายขึ้นรถบรรทุกเพื่อเตรียมเคลื่อนย้ายไปเก็บที่โรงรถในค่ายทหารที่ อ.หล่มสัก จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดรื้อถอนจึงเข้าดำเนินการรื้อสิ่งปลูกสร้างต่างๆ อย่างไรก็ตาม ระหว่างเริ่มการรื้อถอนทั้งนายกุญช์ภัสส์ และผู้ประกอบการรีสอร์ตรายอื่นได้หอบหลักฐานพยายามเข้าโต้แย้งกับนายชลทิศ และนายบัณฑิตย์ โดยอ้างว่าถูกเลือกปฏิบัติอีกด้วย

นอกจากนี้ ขณะเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการรื้อถอนรีสอร์ตโรงเตี๊ยม ปรากฏว่ามีชาวม้งในพื้นที่รวมทั้งผู้ประกอบการเจ้าของรีสอร์ตในพื้นที่ต่างมายืนเฝ้าชมและสังเกตการณ์การรื้อถอนด้วยความสนใจ ในขณะที่บางรายใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายบันทึกภาพนิ่งและวิดีโอเก็บไว้อีกด้วย

อธิบดีกรมป่าไม้ให้สัมภาษณ์ว่า การรื้อถอนในวันนี้เป็นไปตามคำสั่ง คสช. กระบวนการขั้นตอนจึงยึดระเบียบข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องเป็นหลักซึ่งได้ประกาศแจ้งเตือนผู้ประกอบการไปแล้ว วันนี้เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องดำเนินการ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แบ่งชุดปฏิบัติการไว้หลายชุด ทั้งชุดบันทึกข้อมูลทรัพย์สินของมีค่าต่างๆ ชุดขนย้ายสิ่งของ และชุดรื้อถอน โดยทรัพย์สินจะถูกจัดเก็บไว้อย่างดี สามารถตรวจสอบได้ นอกจากนี้ การทำงานยังเน้นความรัดกุมรอบคอบ ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ เพื่อป้องกันความผิดพลาด ส่วนกรณีเจ้าของรีสอร์ตขอเวลารื้อถอนเองสามารถกระทำร่วมกันได้

“จะดำเนินการต่อทุกรีสอร์ตภายใต้เงื่อนไขเดียวกันโดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ ส่วนที่จำเป็นต้องเข้ารื้อถอนโรงเตี๊ยมก่อนเพราะเป็นรายแรกที่ถูกดำเนินคดี และศาลมีคำสั่งถึงที่สุดแล้ว” นายชลทิศกล่าว

รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมว่า อย่างไรก็ตาม เมื่อเจ้าหน้าที่เริ่มใช้รถแบ็กโฮจำนวน 2 คัน เข้ารื้อถอนป้าย อาคารและสิ่งปลูกสร้างที่หน้ารีสอร์ตโรงเตี้ยม พร้อมเริ่มขยับจะเข้ารื้อบริเวณอาคารด้านทิศเหนือของรีสอร์ต ส่งผลให้สถานการณ์เกิดความตึงเครียดขึ้นโดยทันที

เนื่องจากนายกุญช์ภัสส์ พัฒนฉัตรรุ่งรุจ เจ้าของรีสอร์ตฯแสดงอาการไม่พอใจ เดินเข้าไปสอบถามนายบัณฑิต เทวีทิวารักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยทันที จนเกิดการโต้แย้งปะทะคารมกันขึ้น โดยนายกุญช์ภัสส์ อ้างว่า ช่วงเช้ายังแจ้งว่าจะรื้อถอนแบบวิญญูชน ไม่มีการใช้แบ็กโฮมาจ้วงแบบนี้

กระทั่งนายบัณฑิตย์กล่าวโต้แย้งว่า เมื่อไม่รื้อถอนเอง ตอนนี้จึงหมดเวลาที่จะให้ดำเนินการเอง และคำสั่งศาลสั่งให้ออกหลายปีแล้ว แต่ก็ยังไม่ออก กระบวนการต่อไปทางป่าไม้ ก็ยังต้องคิดค่าเสียหาย ที่ทำให้ธรรมชาติเสียหายอีก ทำให้นายกุญช์ภัสส์ ตอบโต้ว่า “ขั้นตอนยังไม่สิ้นสุด ต้องให้เจ้าพนักงานคดีบังคับคดี ทำแบบนี้ไม่ถูกต้องเป็นการรังแกประชาชน”

จากนั้นนายกุญช์ภัสส์ พร้อมพนักงานลูกจ้างพากันไปยืนบริเวณอาคารที่รถแบ็กโฮจะเข้ารื้อต่อเนื่อง พร้อมระบุว่า “หากทำกันแบบนี้ ขอยอมตายดีกว่า” โดยมีเจ้าหน้าที่พยายามเข้าเจรจาแต่ไม่สำเร็จ ทำให้รถแบ็กโฮต้องหยุดดำเนินการรื้อถอน แต่มีการจัดส่งเจ้าหน้าที่ชุดรื้อถอน จำนวน 80 นาย พร้อมอุปกรณ์รื้อถอน เข้าทำการรื้อถอนด้วยมือแทน










กำลังโหลดความคิดเห็น