พิษณุโลก/เชียงใหม่ - กองเกียรติยศนำร่าง 5 นายทหารประสบอุบัติเหตุ ฮ.ลาโกตา ตกดอยอินทนนท์ ประกอบพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ พร้อมตั้งสวด 1 คืน ก่อนนำกลับประกอบพิธีตามภูมิลำเนา ขณะที่ นอภ.ปายเขียนความในใจ สัมผัส ผบ.พล.ร.4 ก่อนเหตุสลด
วันนี้ (16 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีเหตุสลด เฮลิคอปเตอร์ UH72 หรือลาโกตา หมายเลข 9656 กองทัพภาคที่ 3 ตกที่ดอยอินทนนท์ เมื่อ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้ พล.ต.นพพร เรือนจันทร์ ผบ.พล.ร.4 พร้อมนักบินที่ 1 ร.อ.สุทัน อ่อนเมือง นักบินที่ 2 ร.ท.นวพัฒน์ มณีโชติ และ จ.ส.อ.ชัยศักดา ทาโส จ.ส.ต.มงคลชัย รู้งาน ช่างเครื่องเสียชีวิต และทีมกู้ภัยที่บูรณาการกำลังหลายหน่วยงานได้ลำเลียงร่างผู้เสียชีวิตทั้งหมดออกจากที่เกิดเหตุนำส่ง รพ.ค่ายกาวิละ จ.เชียงใหม่ เช้ามืดที่ผ่านมา
ต่อมาเวลา 11.00 น.ได้มีการเคลื่อนย้ายศพทหารหาญทั้ง 5 นาย ด้วยกองเกียรติยศ จาก รพ.ค่ายกาวิละ ไปวัดพระนอนขอนตาล อ.แม่ริม ก่อนที่จะเริ่มพิธีรดน้ำโดยนายทหารชั้นผู้ใหญ่ และญาติในช่วงบ่ายวันเดียวกัน โดยแม่ทัพภาคที่ 3 ก็ได้เดินทางมาร่วมพิธีด้วย และเวลาประมาณ 17.00 น. พล.อ.ธีชัย นาควานิช ผบ.ทบ.เดินทางมาถึงพร้อมน้ำหลวงอาบศพพระราชทาน หลังจากนั้นจึงเริ่มพิธีสวดพระอภิธรรม 1 คืน ก่อนนำกลับประกอบพิธีตามภูมิลำเนา
อย่างไรก็ตาม เหตุสลดที่ถือเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของกองทัพภาคที่ 3 และกองทัพบกดังกล่าวนี้ยังคงถูกกล่าวถึงกันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะคนที่เคยสัมผัสกับ พล.ต.นพพร หรือที่ผู้สื่อข่าวเรียกกันติดปากว่า “บิ๊กแอ้นท์” หรือบิ๊กไจแอ้นท์ อันเป็นฉายาที่ได้มาจากลูกน้องในสมัยปฏิบัติหน้าที่อยู่ พล.ร.7 เชียงใหม่ เนื่องจากเป็นผู้บังคับการที่เอาจริงเอาจังต่อหน้าที่และระเบียบวินัยทหาร ทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งพลทหาร นายสิบต่างผวาทุกครั้งเมื่อเห็นเงาร่างใหญ่คล้ายการ์ตูนไจแอ้นท์เดินเด่นมาแต่ไกล จนขานบอกต่อๆ กันว่า “ไจแอ้นท์” มาแล้ว
ล่าสุด นายธนกฤต ฉันทะจำรัสศิลป์ นายอำเภอปาย จ.แม่ฮ่องสอน ที่ถือเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้สัมผัสกับ พล.ต.นพพร ระหว่างลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วม อ.ปาย เมื่อ 13 ส.ค.ก่อนเกิดเหตุสลด ได้เขียน “ความในใจนายอำเภอปาย” หลังจากเสร็จภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมร่วมกับ พล.ต.นพพร แล้วต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเนื่องจากน้ำตาลในเลือดต่ำ โดยได้นำเผยแพร่ผ่านแอปพลิเคชันไลน์ เมื่อเวลา 22.00 น.วันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่าได้ร่วมประชุม-สนทนากับ พล.ต.นพพร หลายครั้ง ท่าทางท่านดูเข้มแข็ง มีลักษณะผู้นำอย่างชายชาติทหาร พูดจาเด็ดเดี่ยว เอาจริงเอาจังต่อการทำงาน เป็นสุภาพบุรุษ สมาร์ท ใบหน้าผ่องใส
“แต่เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2559 ระหว่างมาตรวจตราและให้ความช่วยเหลือชาวอำเภอปายที่ถูกน้ำท่วม พล.ต.นพพรได้โทรศัพท์มาว่าขอพบนายอำเภอปาย ตนจึงเดินทางไปพบเมื่อเวลาประมาณ 16.30 น. แรกเห็นเสมือนท่านตรากตรำทำงานหนักพักผ่อนไม่เพียงพอ หน้าตาท่านสีเข้มคล้ำ แลดูไม่สดชื่น ดวงตาคล้ำคล้ายกับดวงตาขาดน้ำตาหล่อเลี้ยง ริมฝีปากแห้งมากมีสีแดงคล้ำ ผมพูดเหมือนจะเกินความจริง เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นไปแล้ว ในขณะที่ผมได้สนทนากับท่าน ผมเกือบจะทักท่านแล้วว่าท่านไม่สดชื่น แต่เนื่องจากท่านเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ผมเลยไม่กล้านำเรียนโดยตรง เกรงจะเป็นการไม่เหมาะสม”
ระหว่างสนทนาเกี่ยวกับความเสียหายจากน้ำท่วม ผู้ว่าฯ พิพัฒน์ เอกภาพันธ์ ได้โทรศัพท์มาขอพูดกับ พล.ต.นพพร เพราะเป็นห่วงเรื่องสภาพอากาศปิด พร้อมกับบอกว่าไม่ต้องเดินทางไปปางมะผ้า ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมด้วยก็ตาม แต่ พล.ต.นพพร ยืนยันจะไปอำเภอปางมะผ้า และนัดพบกับท่านผู้ว่าฯ ที่อำเภอปางมะผ้า ก่อนจะยื่นโทรศัพท์คืนมาให้ตนแล้วพูดว่า “ทหารของพระราชาไม่กลัวตาย กลัวแต่ประชาชนจะเดือดร้อนมากกว่า”
อย่างไรก็ตาม ช่วงสายของวันที่ 14 ส.ค. 59 จังหวะที่ พล.ต.นพพร ออกเดินทางกลับจากการปฏิบัติภารกิจช่วยผู้ประภัยน้ำท่วมในแม่ฮ่องสอนดังกล่าว คือช่วง 10.08 ฮ.ยกจากสนามบินชั่วคราว จ.แม่สองสอน มุ่งหน้าบินกลับพิษณุโลก
เมื่อถามว่า ฮ.ยกจากสนามบินชั่วคราว จ.แม่สองสอน มุ่งหน้าบินพิษณุโลก ทำไมต้องผ่านดอยอินทนนท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินบอกว่า เป็นเส้นทางบินตรง แต่นักบิน ฮ.ยุทธวิธีไม่นิยมใช้เส้นทางนี้ เพราะปกติเครื่องบินทุกลำจะไปเติมน้ำมันที่ค่ายกาวิละ มทบ.33 เชียงใหม่ก่อน แต่บังเอิญว่า ฮ.ลาโกตาเป็นเครื่องบินพาณิชย์ อัตราบริโภคน้ำมันต่ำ แม้บินตรงจากแม่ฮ่องสอนผ่านดอยอินทนนท์-พิษณุโลก น้ำมันยังเหลือ
เฮลิคอปเตอร์ UH72/9656 ลำนี้ ร.อ.สุทัน อ่องเมือง นักบินที่ 1 ได้ระบุในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2559 เป็นวันครบรอบ 1 ปีของเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์รุ่น uh-72a หมายเลข 9656 และทำการบินจำนวน 300 ชั่วโมง เครื่องบินดังกล่าวได้รับการส่งมอบเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2558 และเข้าประจำที่ ทภ.3 พิษณุโลก วันที่ 28 ก.ย. 2558 และเมื่อเวลา 12.01 น.วันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมาได้นำเครื่องเข้ารับการซ่อมบำรุงตามระยะเวลาครบ 300 ชั่วโมง
แหล่งข่าววงการนักบินต่างระบุว่า ลึกๆ แล้ว ฮ.ลำนี้ใหม่ แต่น้ำหนักเบา เมื่อเทียบกับ เบลล์ 212 หรือแบล็กฮอว์ก และมีจุดอ่อนในการบินเมื่อเข้าสู่อากาศปิด เมฆ-หมอกหนา นักบินมักหลงทิศ ลักษณะไม่ค่อยมีความรู้สึกว่าเครื่องบินเร่งเดินหน้าไปสู่เป้าหมาย เหมือนลอยอยู่ในอากาศ ประเมินไม่ออกเห็นว่า ฮ.อยู่ตำแหน่งใด
สำหรับประวัติ พล.ต.นพพร เรือนจันทร์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 4 หรือ ผบ.พล.ร. 4 ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช กองทัพภาคที่ 3 เป็นนายทหารที่สื่อมวลชนในพิษณุโลก ได้ทำงานร่วมกันมากที่สุดท่านหนึ่ง สไตล์การทำงานที่ชอบเข้าถึงพื้นที่ วิเคราะห์และแก้ไขปัญหาแบบทันท่วงที เบ็ดเสร็จ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของพี่ไจแอ้นท์ หรือ ผบ.พล.ร.4
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา สื่อมวลชนในพิษณุโลกได้ทำงานร่วมกับท่านมาโดยตลอด ทั้งภารกิจหลักของนายทหารราบ ที่ดูแลพื้นที่แนวชายแดนไทยพม่าด้านทิศตะวันตก ในตำแหน่งผู้บัญชาการ กองกำลังนเรศวร ดูแลความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดนตั้งแต่ทิศเหนือของไทยจากเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตาก
ขณะที่ภารกิจรองที่พบปะมวลชนตั้งแต่ระดับบริหารถึงประชาชนเดินดิน พล.ต.นพพรก็ทำงานได้อย่างเข้มแข็งในปัญหาเฉพาะหน้าแต่ละด้าน และตามภารกิจที่ผู้บังคับบัญชามอบหมาย
พล.ท.สมศักดิ์ นิลบรรเจิดกุล แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า ผบ.พล.ร.4 เป็นผู้ที่มีความเสียสละ ช่วยเหลือประชาชนดูทุกๆ เรื่อง ไปมอบสิ่งของบริโภคให้ผู้ยากไร้ ไปสร้างที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้ยากไร้ ผู้ที่มีปัญหาเรื่องราวต่างๆ ในฐานะผู้บัญชาการรักษาความสงบเรียบในจังหวัดพิษณุโลก จัดการหมด เป็นที่รักใคร่ของพี่น้องประชาชน ก่อนเสียชีวิตได้ไปปฏิบัติหน้าที่เพื่อพี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัยที่ อ.ปาย อ.ปางมะผ้า
พล.ต.นพพร เรือนจันทร์ เกิดเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2501 (ปีจอ) ปัจจุบันอายุ 58 ปี สมรสกับ ดร.กรรณิการ์ เรือนจันทร์ อายุ 56 ปี บุตรชื่อนายภาคภูมิ เรือนจันทร์, น.ส.ปรารถนา เรือนจันทร์
ประวัติการศึกษาและรับราชการ รร.ตท.รุ่น 19 ปี 2521 รร.จปร.รุ่น 30 ปี 2526 เริ่มรับราชการตำแหน่งสำคัญจาก ผบ.มว.ร.17 พัน.1 ก่อนที่จะก้าวขึ้นดำรงตำแหน่ง ผบ.พล.ร.4/ผบ.กกล.นเรศวร ตั้งแต่ 1 ต.ค. 2557 จนถึงปัจจุบัน
ว่ากันว่า หากไม่เกิดเหตุสลด เดือนตุลาคม 59 นี้ พล.ต.นพพรอาจขยับขึ้นเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 3 หรือไม่ก็แม่ทัพน้อยที่ 3 เพราะอายุราชการเหลือ 2 ปีเต็ม ทว่า วันนี้เหลือเพียงชื่อและความทรงจำที่ดีๆ กับผลงานที่ฝากไว้แก่คนรุ่นหลังเท่านั้น