สุดอาลัยในความกล้าของทหารหาญ จากเหตุเฮลิคอปเตอร์ UH-72 กองทัพภาคที่ 3 ตกที่ดอยอินทนนท์ เป็นเหตุให้สูญเสีย 5ทหารกล้า ประชาชนแห่ร่วมไว้อาลัย สุดซาบซึ้งเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ แม้รู้ดีว่า “อากาศปิด” หมอกลงจัด แต่ไม่หวาดหวั่นหรือกลัวเกรงแต่อย่างใด พร้อมบินไปช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบความเสียหายจากน้ำท่วมโดยพลันอย่างไม่กลัวตาย ทิ้งไว้ซึ่งความดี อย่างสมศักดิ์ศรี
5 วิญญาณชายชาติทหารสู่สรวงสวรรค์
เฮลิคอปเตอร์ รุ่น UH72 ลาโกตา ของกองทัพภาค 3 ได้ขาดการติดต่อไปเมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. วันที่ 14 ส.ค.2559 ขณะมุ่งหน้ากลับ จ.พิษณุโลก หลังเสร็จสิ้นปฎิบัติภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ที่ อ.ปาย และ อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน ปฏิบัติการค้นหาจึงเกิดขึ้น หลายคนภาวนาให้เกิดปาฏิหาริย์ เพราะมีทหาร 5 นายอยู่ในนั้น ประกอบด้วย พล.ต.นพพร เรือนจันทร์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 4 (ผบ.พล.ร.4) พร้อมด้วย ร.อ.สุทัน อ่องเมือง นักบินที่ 1 , ร.ท.นวพัฒน์ มณีโชติ นักบินที่ 2 และ จ.ส.อ.ชัยศักดา ทาโส และ จ.ส.ต. มงคลชัย รู้งาน ช่างเครื่อง ครั้นวันรุ่งขึ้น (15 ส.ค.) ช่วงบ่ายเจ้าหน้าที่ชุดค้นหาได้พบชิ้นส่วนปีกของเฮลิคอปเตอร์ และเอกสารกระจัดกระจายบริเวณเหนือกิ่วแม่ปาน ดอยอินทนนท์ ประมาณ 1 กิโลเมตร พื้นที่เป็นเนินเขาสูง 2,445 เมตร จากระดับน้ำทะเล แต่ยังไม่พบตัวเครื่อง และทหารทั้ง 5 นาย เพราะสภาพอากาศปิด มีหมอกลงจัด
กระทั่ง เจ้าหน้าที่ระดมค้นหาอยู่หลายชั่วโมง ปาฏิหาริย์ไม่มีจริง! พบร่างของทหารทั้ง 5 นาย โดยใช้เวลาลำเลียงร่างของทหารกล้า 5 นาย ประมาณ 9 ชั่วโมง ออกจากจุดที่เฮลิคอปเตอร์ตก บนอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์
ทหารของพระราชาไม่กลัวตาย กลัว ปชช.เดือดร้อนมากกว่า
ดร.กรรณิการ์ เรือนจันทร์ ภรรยาของ พล.ต.นพพร เปิดเผยถึงความรู้สึกทั้งน้ำตา สุดเสียใจต่อการจากไปของ พล.ต.นพพร ผู้เป็นสามีอย่างมาก ขณะเดียวกัน ก็ภาคภูมิใจที่ท่านได้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อชาติ สมชายชาติทหารที่ทุ่มเททั้งชีวิต ถึงขนาดบางครั้งไม่ได้กลับบ้านมานานนับปี บางทีก็ 6 เดือน บางทีแม่กับลูกๆ เคยถามว่าพ่อไม่กลับบ้านครบ 100 วันแล้วนะ พอถามท่านก็บอกว่า “เป็นทหาร ทำงานไม่มีวันหยุด” ครอบครัวจึงรู้สึกภูมิใจในตัวท่านมาก
ส่วนเฟซบุ๊กของผู้สื่อข่าวสายทหาร วาสนา นาน่วม ที่ใช้ชื่อว่า Wassana Nanuam ได้โพสต์ข้อความ “ความในใจนายอำเภอปาย" ของ นายธนกฤต ฉันทะจำรัสศิลป์ นายอำเภอปาย เผย พล.ต.นพพร ยืนยันจะไป อ.ปางมะผ้า ให้ได้แม้จะรู้ว่าสภาพอากาศปิด พร้อมประโยคสุดประทับใจ"ทหารของพระราชาไม่กลัวตาย กลัวแต่ประชาชนจะเดือดร้อนมากกว่า"
“ผมเคยได้ร่วมประชุมและร่วมสนทนา กับท่านพลตรีนพพร เรือนจันทร์ ผบ.พล.ร.4 หลายครั้ง ท่าทางท่านดูเข้มแข็ง มีลักษณะผู้นำอย่างชายชาติทหาร พูดจาเด็ดเดี่ยวเอาจริงเอาจังกับการทำงาน เป็นสุภาพบุรุษ สมาร์ท ใบหน้าผ่องใส แต่เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2559 ท่านมาตรวจตราและให้ความช่วยเหลือชาวอำเภอปาย ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย แม่น้ำปายเอ่อท่วมท้นบ้านเรือนราษฎรและทรัพย์สินเสียหาย ส่วนผมกำลังให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบความเสียหายอีกที่หนึ่งไม่ไกลจากที่ที่ท่านอยู่มากนัก ท่านได้โทรศัพท์มาว่าขอพบนายอำเภอปาย ผมจึงเดินทางไปพบท่านเวลาประมาณ 16.30 น. ครั้นได้พบท่าน แรกเห็นเสมือนท่านตรากตรำทำงานหนักพักผ่อนไม่เพียงพอ หน้าตาท่านสีเข้มคล้ำ แลดูไม่สดชื่น ดวงตาคล้ำคล้ายกับดวงตาขาดน้ำตาหล่อเลี้ยง ริมฝีปากแห้งมาก มีสีแดงคล้ำและมีคราบสีขาวที่มุมปากทั้งสองข้าง
ผมพูดเหมือนจะเกินความจริงเพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นไปแล้ว ซึ่งในขณะที่ผมได้สนทนากับท่าน ผมเกือบจะทักท่านแล้วว่าท่านไม่สดชื่น แต่เนื่องจากท่านเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ผมเลยไม่กล้านำเรียนท่านโดยตรง โดยเกรงว่าจะเป็นการไม่เหมาะสม ซึ่งในระหว่างที่ผมสนทนากับท่านเกี่ยวกับความเสียหายที่ประชาชนได้รับและแนวทางที่จะแก้ปัญหาอุทกภัยอย่างยั่งยืนนั้น ท่านผู้ว่าฯนายพิพัฒน์ เอกภาพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน โทรศัพท์เข้าเครื่องโทรศัพท์ผม เพื่อที่จะขอเรียนสายกับท่านพลตรีนพพรฯ และท่านผู้ว่าฯ พูดเปรยกับผมว่าช่วงนี้อากาศปิด ท่านพลตรีนพพรฯไม่ต้องไปอำเภอปางมะผ้า ก็ได้ ผมจึงนำโทรศัพท์ไปให้ท่านและก่อนที่ผมจะยื่นโทรศัพท์ให้ท่าน ผมพูดกับท่านว่า"ท่านผู้ว่าฯขอเรียนสายกับท่าน ท่านผู้ว่าฯเป็นห่วงเนื่องจากอากาศปิด"
เมื่อผมยื่นโทรศัพท์ให้ท่าน ท่านพูดกับท่านผู้ว่าฯว่า ท่านยืนยันจะไปอำเภอปางมะผ้า และนัดพบกับท่านผู้ว่าฯที่อำเภอปางมะผ้า ซึ่งท่านผู้ว่าฯกำลังปฎิบัติภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยอยู่ เมื่อท่านคุยโทรศัพท์เสร็จแล้วท่านยื่นโทรศัพท์คืนมาให้ผม แล้วท่านพูดว่า "ทหารของพระราชาไม่กลัวตาย กลัวแต่ประชาชนจะเดือดร้อนมากกว่า"
นายพลติดดิน ติดราษฎร
เช่นเดียวกับเฟซบุ๊ก "ชก ข้ามรุ่น" ได้โพสต์ภาพอาลัย พร้อมบรรยายภาพว่า คุณจเด็ดสิบเอ็ดทิศ อยากเล่าเรื่องพี่ยักษ์(พล.ต.นพพร) ให้คนในกรุงเทพและอื่นๆได้รู้จัก
พี่ครับ ..อยากให้พวกเค้าได้รู้ว่า พี่ทำอะไรบ้างในวันๆนึง และทำไมพี่ถึงต้องมาประสบอุบัติเหตุแบบนี้ ทั้งๆที่วันนั้น พี่จะนอนเล่นอยู่บ้านเฉยๆก็ได้ ..ทุกๆท่าน เคยเห็นนายพลที่ทำงาน7วันไม่มีวันหยุดมั้ยครับ ?? เคยเห็นนายพลที่ติดดิน ติดราษฏร ขึ้นเขา เข้าป่า เดินดง ด้วยตัวเองเพื่อเข้าไปดูแลทุกข์สุขของราษฏร โดยไม่ชอบอ่านจากรายงานในกระดาษมั้ยครับ ?? เคยเห็นนายพลที่มีอำนาจคุมกองพลทหารราบ มีลูกน้องหลายพันคน ที่ ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ราษฏรบนพื้นที่สูง ราษฏรอีกฟากนึงของป่า ไกลสุดติดชายแดน ม้ง เย้า กะเหรี่ยง ปกาเกอะญอ ฯลฯ ลูกเล็กเด็กแดง ก็รู้จักท่านทุกคน มั้ยครับ ประเทศเรา กองทัพเรา มีนายพลแบบนี้อยู่นะครับ" ..แต่วันนี้ #ประเทศเราโชคร้ายครับเราเสียท่านไปแล้ว
พร้อมทั้งได้โพสต์คำกลอนสดุดีความดีของพี่ยักษ์ พล.ต.นพพร
ปาฏิหาริย์ สัญญาณใด ไร้ความหมาย
ทอดร่างกาย วายชีวาตน์ เพื่อราษฏร์ไพร่
สมศักดิ์ศรี พี่ยักษ์บู๊ ผู้เกรียงไกร
นายทัพใหญ่ ค่ายนเรศฯ เขตสองแคว
ยามที่อยู่ ดูทุกข์สุข ปลุกขวัญราษฏร์
เต็มสามารถ ฟาดและฟัน ไม่หวั่นแผล
ทุกเภทภัย ไอ้หน้าไหน
ใครรังแก
คอยดูแล แก้ทุกเรื่อง ทุกเบื้องไป
เป็นขุนทัพ ขับพลกอง สนองราษฏร์
หนึ่งเพื่อชาติ สองเพื่อชน บนวิสัย
สามเพื่อลูก เมียพ่อแม่ แด่สายใย
วางหัวใจ ไว้เท่านั้น นั่นนพพร
ทั้งนี้ ยังหมายเหตุไว้ด้วยว่า แม้นจะทำใจไว้แล้วตั้งแต่เมื่อคืน แต่เมื่อถึงเวลารับข่าวร้าย มือก็ยังสั่น ใจก็ยังสั่น พิมพ์อะไรยากลำบากจริงๆ ..ขอให้พี่ยักษ์ และลูกน้องของพี่ทั้ง4ท่าน อย่าไปไหนนะครับ ขอจงมีพลัง มีเดช ขอจงสถิตย์อยู่ที่แผ่นดินแถบนั้น เพื่อปกป้องพี่น้องของเรา อย่าให้มีใครต้องตกลงมาตายแบบนี้อีก พวกเราตกลงไปตายแถวนี้บ่อยเกินไปแล้วครับ
ข้อความ...ลางบอกเหตุ ก่อนจากไป
นอกจากนี้ โลกโซเชียลยังมีการแชร์ภาพเฟซบุ๊กของ ร.อ.สุทัน อ่องเมือง นักบินที่ 1 ผู้เสียชีวิต เพิ่งจะโพสต์ภาพผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2559 ที่ผ่านมา โดยระบุว่า
"เป็นวันครบรอบ 1 ปีที่รับมอบเฮลิคอปเตอร์ UH-72 และมีชั่วโมงบินครบ 300 ชั่วโมงพอดี"
รวมถึงเฟซบุ๊กเพื่อนสนิท ของ ร.อ.สุทัน เฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า สุภาพ ดีบุญมีณชุมแพ ได้เผยภาพแชตไลน์ระหว่างตนเองกับ ร.อ.สุทัน โดยระบุว่าเพื่อนส่งรูปภาพข้อความเป็นลาง
"#หรือนี่คือลางบอกเหตุ 2-3วันที่ผ่านมา พี่ดำ เพื่อนที่แสนดีของภาพไลน์มาหาส่งข้อความมาแปลก..แปลกจนภาพต้องด่ากลับไปพูดเป็นลางร้ายทั้งวัน
"ตะวันลับ...ขอบฟ้า..ขุนเขา ฮ.ป ผ่อนเสียงเบา...กู่ก้อง ภารกิจรับเหมา...ทุกอย่างสั่งมา เพียงดับชีวาสิ้น...เพื่อชาติเรายอม”
เช่นเดียวกับกับแฟนสาวของ ร.ท.นวพัฒน์ มณีโชติ นักบินที่ 2 ได้โพสต์ภาพในเฟซบุ๊กพร้อมข้อความสุดห่วงใยจากครอบครัว
"ที่รักรีบกลับมานะแม่ พ่อ แจงรออยู่ สัญญาจะไม่ดื้อไม่ซนแล้วแจง ห่วงคุณมากบุญที่แจงทำไว้ทั้งหมดในชีวิตที่มีขอให้ คุณและทุกคนในคณะ ปลอดภัยกลับมานะ แจงให้อภัยแล้วกลับบ้านได้ รออยู่รู้มั้ย กลับบ้านมา คิดถึงคุณจังเลยแจงเหงาจังรีบกลับมาสักที่สิรออยู่ นะนอนไม่หลับเลย"
อย่างไรก็ตาม สำหรับรางวัลตอบแทนคุณความดีของ 5 ทหารกล้านั้น พ.อ.หญิง ศิริจันร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ในเบื้องต้นครอบครัวของ 5 ทหารกล้า จะได้รับเงินช่วยเหลือโดยประมาณ 2-5 ล้านบาท ตามสิทธิของแต่ละท่าน พร้อมปูนบำเหน็จพิเศษ 8 ขั้น และได้รับพระราชทานยศสูงขึ้น โดย พล.ต.นพพร เรือนจันทร์ ตำแหน่งผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 4 เป็น “พลเอก” ร.อ.สุทัน อ่องเมือง ตำแหน่งผู้บังคับหมวดบินและซ่อมบำรุงกองร้อยบินกองพลทหารราบที่ 4 เป็น “พลโท” ร.ท.นวพัฒน์ มณีโชติ ตำแหน่งนักบิน กองร้อยบิน กองพลทหารราบที่ 4 เป็น “พลตรี”, จ.ส.อ.ชัยศักดิ์ดา ทาโส ตำแหน่ง นายสิบส่งกำลังบำรุง กองร้อยบินกองพลทหารราบที่ 4 เป็น “พันโท”, จ.ส.ต.มงคลชัย รู้งาน ตำแหน่งช่างตรวจภาพทางอากาศ กองร้อยบินกองพลทหารราบที่ 4 เป็น “ร้อยเอก”
ขอบคุณภาพ จากเฟซบุ๊ก ชก ข้ามรุ่น