ประจวบคีรีขันธ์ - เมืองหัวหินยังระทึก! เจ้าของร้านขายเสื้อผ้าพบเพาเวอร์แบงก์ไหม้ไฟกลางตลาดฉัตร์ไชยหัวหิน ตำรวจ และหน่วยชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิดเข้าตรวจสอบ พร้อมเก็บเพาเวอร์แบงก์ และวัตถุต้องสงสัยไปทันที ด้าน “ผบช.ภาค 7” เผยลักษณะเพาเวอร์แบงก์ที่พบคล้ายกับที่สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช เบื้องต้น พอจะทราบตำหนิรูปพรรณของผู้ต้องสงสัยแล้ว ขณะที่ชาวบ้าน และผู้ประกอบการเริ่มหวาดผวา ถึงแม้ภาครัฐจะออกมาย้ำว่าควบคุมสถานการณ์ได้ก็ตาม
เมื่อเวลา 11.30 น.วันนี้ (14 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีเหตุลอบวางระเบิดในเทศบาลเมืองหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 11 ส.ค.59 ที่ผ่านมา ต่อเนื่องมาจนถึงวันที่ 12 ส.ค. จนทำให้มีผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิตนั้น ล่าสุด พบว่าวันนี้ (14 ส.ค.) น.ส.พรศรี วิไลสกุลยงค์ อายุ 30 ปี เจ้าของแผงจำหน่ายเสื้อผ้าในตลาดสดฉัตร์ไชย ใกล้กับโรงรับจำนำหัวหินได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หัวหิน ว่า พบวัตถุต้องสงสัยเป็นอุปกรณ์สำรองไฟเพาเวอร์แบงก์ 2 เครื่อง ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นของใครมาวางอยู่ภายในร้านเสื้อผ้าของตนเอง ขอให้ส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบโดยด่วนเพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย
ภายหลังรับแจ้ง พ.ต.อ.สิทธิชัย ศรีโสภาเจริญรัตน์ ผกก.สภ.หัวหิน จึงรายงานให้ พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (ผบช.ภ.7) พล.ต.ต.กษณะ แจ่มสว่าง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) ประจวบคีรีขันธ์ รับทราบ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดทำลายและเก็บกู้วัตถุระเบิด EODจากค่ายศรียานนท์ และค่ายพระรามหก อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี และสุนัขตำรวจจากค่ายนเรศวร อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ระว่างนั้นประชาชนที่มาเดินอยู่ในตลาดที่ทราบข่าว รวมทั้งเจ้าของร้านค้าในตลาดต่างรู้สึกตกใจ โดยบางรายถึงกับเดินออกจากตลาดทันทีเนื่องจากเกรงว่าจะเกิดระเบิดอีกครั้งเหมือนกับเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา
บริเวณดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจพบเป็นแผงปูนจำหน่ายเสื้อผ้า อยู่กลางอาคารตลาดสดฉัตร์ไชย ด้านทิศเหนือ ซึ่ง น.ส.พรศรี วิไลสกุลยงค์ เจ้าของร้านได้นำเพาเวอร์แบงก์ขนาดประมาณ 8x12 ซม. สีขาว จำนวน 2 เครื่อง มีตัวอักษร ROMSZZ อยู่บนตัวเครื่องมามอบให้แก่เจ้าหน้าที่ โดย 1 ใน 2 เครื่องเกิดรอยคราบไหม้ไฟเป็นคราบเขม่าสีดำที่บริเวณใกล้จอ LCD สำหรับบอกปริมาณปะจุไฟในเพาเวอร์แบงก์ ส่วนอีกเครื่องอยู่ในสภาพปกติ
น.ส.พรศรี วิไลสกุลยงค์ เจ้าของแผงจำหน่ายเสื้อผ้าให้ข้อมูลรายละเอียดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ช่วงเวลาประมาณ 11.00 น. วันนี้มีลูกค้าเป็นชาย 3 คน อายุประมาณ 30 ปีเศษ รูปร่างผอม สูง ผิวเข้ม สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาว กางเกงขายาว มาเลือกซื้อเสื้อเชิ้ตภายในร้านอยู่นาน และยังได้เลือกซื้อรองเท้าที่ร้านฝั่งตรงข้ามกว่า 10 นาที ตนเห็นว่าเลือกเสื้อนานแล้วจึงถามว่าเลือกนานแล้วจะซื้อหรือเปล่า ทำให้ชายคนหนึ่งในกลุ่มตัดสินใจซื้อเสื้อเชิ้ตแขนสั้นลายสก้อตสีนํ้าเงินไป 1 ตัว และได้ถอดเปลี่ยนเสื้อที่ตรงหน้าร้านของตนทันที จากนั้นทั้งหมดได้เดินหายเข้าไปในตลาดฉัตร์ไชย
ต่อมา ตนมาจัดเสื้อที่หน้าร้านทำให้เห็นเพาเวอร์แบงก์สีขาววางอยู่ในกล่องกระดาษที่หน้าร้าน 1 เครื่อง เมื่อหยิบดูที่ฝาด้านหน้ามีร่องรอยไฟไหม้เป็นคราบเขม่า แต่โชคดีที่ยังไม่ได้ไหม้เสื้อผ้าของร้าน จังหวะนั้นนึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา ตนพบเพาเวอร์แบงก์แบบเดียวกันซุกซ่อนอยู่ในกองผ้าบนแผงขายเสื้อผ้าเช่นกัน ซึ่งวันนั้นไม่ได้สงสัยอะไรเพราะคิดว่าลูกค้าวางลืมไว้ และคงจะเดินกลับมาเอาคืน แต่พอมาเจอวันนี้อีก 1 เครื่อง เมื่อนำมาเปรียบเทียบดูก็พบว่าเหมือนกัน และดูข่าวว่าเกิดเหตุวางระเบิดในหัวหินเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ทำให้รู้สึกตกใจมาก เพราะเกรงว่าชายทั้ง 3 จะเป็นพวกคนร้ายจึงได้รีบโทรศัพท์แจ้ง 191 ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรีบมาตรวจสอบทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด EODได้เข้าเคลียร์พื้นที่ พร้อมใช้เครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์เพื่อความปลอดภัย และใช้อุปกรณ์ตรวจค้นหาวัตถุระเบิด พร้อมส่งสุนัขตำรวจพันธุ์ลาบราดอร์ สีดำ เข้าไปดมกลิ่นเพื่อร่วมตรวจค้นวัตถุต้องสงสัยภายในแผงร้านเสื้อผ้า และร้านรองเท้าที่อยู่ใกล้กัน รวมทั้งตรวจค้นแผงร้านค้าภายในตลาดที่อยู่ใกล้เคียงกันอีกกว่า 10 ร้าน ใช้เวลาในการสแกนพื้นที่เกือบ 2 ชั่วโมง และกันบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องให้ออกไปด้านนอก แต่ไม่พบวัตถุแปลกปลอมเพิ่มเติม จึงนำเพาเวอร์แบงก์ของกลางทั้ง 2 เครื่อง กลับไปทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
ด้าน พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 กล่าวว่า ลักษณะเพาเวอร์แบงก์ที่พบคล้ายกับที่ จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.นครศรีธรรมราช เบื้องต้นพอจะทราบตำหนิรูปพรรณของผู้ต้องสงสัยแล้วแต่ยังไม่ทราบชื่อ เบื้องต้นคนร้ายน่าจะนำมาวางไว้ตั้งแต่วันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา ไม่น่าจะเพิ่งมาวางใหม่ในวันนี้ แต่เผอิญว่าการทำงานของวงจรไม่สมบูรณ์ไหม้ไปเพียงเล็กน้อย ซึ่งเพาเวอร์แบงก์ที่พบไม่ใช่ระเบิดแต่คล้ายกับเป็นการวางเพลิงให้เกิดไฟไหม้
อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวแพร่สะพัดออกไป ทำให้ทั้งผู้ประกอบการค้า ชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างรู้สึกหวาดผวาขึ้นมาอีกครั้ง เนื่องจากหน่วยงานราชการออกมาแจ้งว่าควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว จึงอยากฝากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ทหาร และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมกันชี้แจงข้อเท็จจริง และเร่งติดตามสืบหากลุ่มคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุให้ได้โดยเร็ว
ทั้งนี้ เนื่องจากนอกจากเพาเวอร์แบงก์ที่พบในวันนี้แล้ว เจ้าหน้าที่ยังพบวัตถุต้องสงสัยบางอย่างด้วยแต่สามารถเก็บกู้ไว้ได้
ส่วนบรรยากาศที่ศูนย์การค้ามาร์เก็ต วิลเลจ หัวหิน หลังจากเปิดให้บริการไปแล้วเมื่อวานนี้ (13 ส.ค.) ซึ่งพนักงานของศูนย์การค้าแจ้งว่ามีลูกค้าน้อยลงมาก วันนี้เริ่มดีขึ้นแต่พอทราบข่าวว่าพบวัตถุต้องสงสัยในตลาดฉัตร์ไชย ทำให้ต้องเพิ่มมาตรการความปลอดภัยเต็มที่ โดยผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังศูนย์การค้าฯ พบว่า บริเวณทางเข้าไปจอดในศูนย์ฯ มีการจัดเจ้าหน้าที่ รปภ. ตรวจรถยนต์ทุกคันโดยใช้กระจกส่องใต้ท้องรถ และตรวจรถจักรยานยนต์ พร้อมกันนั้น ผู้ที่เดินเข้าไปในศูนย์ทางเจ้าหน้าที่ รปภ.จะขอตรวจดูกระเป๋า และสแกนโลหะด้วยเครื่อง
นอกจากนั้น ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวหัวหิน ได้เดินทางมาดูความปลอดภัยตรวจตราภายในศูนย์ฯ ด้วย ซึ่งได้สอบถามเจ้าหน้าที่พบว่า ช่วงนี้ทางผู้บริหารสั่งกำชับให้รักษาความปลอดภัยเต็มอัตตรา
นายศุภวิชญ์ น่วมดี ผู้จัดการฝ่ายป้องกันการสูญเสีย ศูนย์การค้ามาร์เก็ต วิลเลจ หัวหิน กล่าวว่าหลังมีการแจ้งข่าวให้ทราบว่าพบเพาเอวร์แบงก์ในตลาดฉัตร์ไชยในวันนี้ ทำให้ต้องเน้นมาตรการความปลอดภัยขั้นสูงสุด ทั้งกล้องซีซีทีวีที่มีอยู่ทั่วศูนย์การค้าฯ กว่า 200 ตัวขณะนี้สั่งเจ้าหน้าที่ฯมอนิเตอร์ติดตามหากพบความผิดปกติรายงานทันที รวมไปถึงการตรวจตราโดยรอบ ทั้งบริเวณสวนหย่อม และบริเวณภายในศูนย์ ซึ่งมีการเพิ่มเจ้าหน้าที่ รปภ. และประชุมชุด รปภ.ทั้งหมดให้ความรู้ความเข้าใจในสถานการณ์ ตลอดจนเรียนรู้หากเจอสิ่งของต้องสงสัย สิ่งสำคัญต้องรายงานทันที