สุรินทร์ - โรงเรียนโสตศึกษาสุรินทร์ จัดกิจกรรมวันแม่ “ดำนาวันแม่ เกี่ยวข้าววันพ่อ” เพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๙ พรรษา และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบพร้อมนำครูนักเรียนผู้พิการทางการได้ยินแข่งขันดำนาสืบสานประเพณีวิถีชีวิตชุมชนท้องถิ่นสุดสนุกสนาน
วันนี้ (11 ส.ค.) ที่บริเวณแปลงนาโรงเรียนโสตศึกษาจังหวัดสุรินทร์ ภายในวัดมุนีนิรมิต ต.เชื้อเพลิง อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ นายประถม ประเมินดี ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และอดีตนายอำเภอปราสาท จ.สุรินทร์ เป็นประธานเปิดงานโครงการดำนาวันแม่ เกี่ยวข้าววันพ่อ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๙ พรรษา และในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ ๗๐ ปี และเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๙
โดยมีนายวิจิตร พิมพกรรณ ผู้อำนวยการโรงเรียนโสตศึกษาจังหวัดสุรินทร์ เป็นผู้กล่าวรายงาน ซึ่งจัดขึ้นโดยโรงเรียนโสตศึกษาจังหวัดสุรินทร์ มีวัตถุประสงค์เพื่อเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้อาชีพการดำนา เป็นอาชีพหลักของเกษตรกรชาวไทยมาแต่บรรพบุรุษ และเพื่อสืบสานประเพณีการดำนา เกี่ยวข้าวให้คงอยู่ในวิถีชีวิตชุมชนท้องถิ่น ซึ่งมีคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน คณะครู ผู้ปกครองและนักเรียน ผู้บริหารท้องถิ่น ผู้นำชุมชน หน่วยงานภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมจำนวนมาก
ทั้งนี้ ระหว่างพิธีเปิดงานได้มีอาจารย์ผู้ชำนาญภาษามือ สื่อสารให้เด็กนักเรียนที่พิการทางการได้ยินให้เข้าใจถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานอีกด้วย
สำหรับกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย การรำเซิ้งทำนา ของเด็กนักเรียนพิการทางการได้ยิน อย่างสวยงาม พิธีไหว้พระแม่โพสพ ดำนาเอาฤกษ์,กิจกรรมการดำนาทั้งแบบปักดำ และการโยนกล้าดำนา และไฮไลท์ที่สามารถสร้างสีสันให้กับงานในครั้งนี้ คือ กิจกรรมการแข่งขันดำนานของเด็กนักเรียนพิการทางการได้ยิน และครูอาจารย์ของโรงเรียนโสตศึกษาสุรินทร์โดยมีทีมเข้าร่วมแข่งขัน จำนวน 6 ทีม เช่น ทีมโปเกมอน, ทีมโดเรมี, ทีมฟ้าแลบ, ทีมสายฟ้า และทีมแปลงสาธิตครูหญิง เป็นต้น
ส่วนกติกาการแข่งขัน คือ ให้แต่ละทีมส่งตัวแทนทีมละ 2 คน มาลงแข่งดำนา แปลงใครแปลงมัน โดยใช้เชือกฟางขึงเส้นกำหนดแนวเขตของแต่ละแปลง หลังจากเริ่มแข่งขันหากผู้แข่งขันคนใด เหนื่อยดำนาไม่ไหวก็สามารถวิ่งกลับไปแตะมือเพื่อเปลี่ยนตัวได้โดยไม่จำกัดจำนวน ซึ่งผู้แข่งขันแต่ละคนต่างจ้ำอ้าวในการปักดำต้นกล้าข้าวกันอย่างรวดเร็ว บางคนเฉื่อยๆ ช้าๆ แบบไม่ถนัดนัก ท่ามกลางกองเชียร์ที่ยืนอยู่ตามคันนาและขอบนา ส่งเสียงเชียร์ บางคนถึงกับกระโดดโลดเต้นเชียร์ก็มี
สุดท้ายผลปรากฏว่าทีมที่ชนะเลิศ คือ ทีมสายฟ้า, อันดับที่ 2 ทีมโดเรมี และ อันดับที่ 3 คือ ทีมฟ้าแลบ ส่วนทีมครูที่ชนะเลิศคือทีมครูชาย ส่วนทีมครูหญิงได้ที่ 2 ได้รับรางวัลซึ่งเป็นห่อขนมสำเร็จรูปไปกินตามลำดับ ซึ่งสามารถสร้างความสนุกสนานให้กับกิจกรรม “ดำนาวันแม่ เกี่ยวข้าววันพ่อ” ในครั้งนี้ได้เป็นอย่างมาก
นายประถม ประเมินดี ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า ขอชื่นชมทุกภาคส่วนที่เห็นความสำคัญของการดำนาและเกี่ยวข้าวซึ่งเป็นอาชีพหลักของคนไทยในอดีตซึ่งเป็นบรรพบุรุษของเรา โดยเฉพาะภาคอีสาน เมื่อถึงฤดูกาลดำนาจะมีพิธีดำนาเอาฤกษ์และเมื่อถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยว จะมีพิธีเรียกขวัญข้าว เนื่องจากข้าวเป็นอาหารหลักของคนไทย การดำนาเอาฤกษ์และการเรียกขวัญข้าว จึงเป็นการแสดงความกตัญญูต่อข้าว
นอกจากนี้ ประเพณีการลงแขกดำนาเกี่ยวข้าวเป็นวัฒนธรรมของชาวนาไทย ที่บ่งบอกถึงความเอื้อเฟื้อช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน และเป็นความรักความผูกพัน ความสามัคคีของคนในท้องถิ่นภาคอีสาน ซึ่งปัจจุบันแทบไม่ปรากฏให้เห็น
ดังนั้น โครงการดำนาวันแม่ เกี่ยวข้าววันพ่อในวันนี้จึงเป็นโครงการที่ดี นอกจากเป็นการเฉลิมพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ แล้วยังเป็นการสืบสานประเพณีการดำนา เกี่ยวข้าว ให้คงอยู่ในวิถีชีวิตชุมชนท้องถิ่นอีกด้วย จึงต้องขอชื่นชมโรงเรียนโสตศึกษาจังหวัดสุรินทร์ และทุกภาคส่วนที่มีส่วนร่วมโครงการในวันนี้