นครพนม - เพิ่งตื่น! ผู้ว่าฯ สั่งคุมเข้มไม้พะยูงในวัดเวินพระบาทภูกระแต หลังถูกลอบตัดจาก 500 ต้น เหลือแค่ 10 ต้น เผยแก๊งมอดไม้ทำกันเป็นขบวนการ ทั้งนายทุนต่างชาติ-ชาวบ้าน-เจ้าหน้าที่รัฐรวมหัวลอบตัด ร้องทุกข์มาแล้วทุกหน่วยงานแต่เฉยจนไม้พะยูงทั้งป่าเหลือแต่ตอ
จากกรณีวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา นายสมชาย วิทย์ดำรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมคณะได้เดินทางไปที่วัดเวินพระบาทภูกระแต หมู่ 11 บ้านนาราชควาย ต.นาราชควาย อ.เมือง จ.นครพนม หลังเกิดกรณีที่ พระธานุสรณ์ ฐานุสรโณ รองเจ้าอาวาสวัด ยื่นหนังสือร้องทุกข์ถึงผู้ว่าฯ และศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 4 (ศปป.4) กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ว่ามีขบวนการค้าไม้พะยูงข้ามชาติได้เข้ามาลักลอบตัดไม้ในพื้นที่ภายในบริเวณวัด
จากเดิมเมื่อปี 2555 มีจำนวนประมาณ 500 ต้น ปัจจุบันถูกแก๊งดังกล่าวลักลอบตัดจนเหลือเพียง 10 ต้นเท่านั้น ที่ผ่านมาทำให้พระในวัดและราษฎรที่อยู่ใกล้เคียงไม่กล้าที่จะออกมาขัดขวางเนื่องจากแก๊งกลุ่มมอดไม้มีอาวุธปืนเพื่อใช้ในการข่มขู่ กรณีดังกล่าวทางผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมจึงมีคำสั่งให้หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ประกอบด้วย กอ.รมน., ตำรวจ และทหาร ชป.ในพื้นที่ได้บูรณาการและหารือเพื่อการปฏิบัติดำเนินการอย่างเด็ดขาด
ขณะที่ กอ.รมน.จว.น.พ.ได้ตรวจสอบข้อเท็จดังกล่าวแล้ว พบกลุ่มขบวนการแก๊งค้าไม้พะยูงข้ามชาติ มีพฤติกรรมตามที่ได้รับการร้องเรียนจริง ซึ่งหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ก็ได้ดำเนินการหาทางป้องกันและแก้ไขมาโดยตลอด แต่เนื่องจากกลุ่มมอดไม้ มีการทำงานป็นขบวนการ เช่นมีนายทุนจากต่างชาติเป็นกระเป๋าเงินใหญ่ มีคนในชุมชนคอยเป็นสายในการเสาะแสวงหาไม้และให้ข่าว
จากนั้นก็มีชุดตัดและลำเลียง ต่อด้วยชุดคุ้มกันซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐบางกลุ่ม และสุดท้ายมีชุดนำข้ามฝั่งไปยัง สปป.ลาว
สำหรับการดำเนินการจะเลือกเอาในช่วงเวลา เช่น ช่วงดึก ฝนตกฟ้าคะนอง หรือมีงานเทศกาลในพื้นที่ใกล้เคียงจึงไม่สะดวกในการปฏิบัติน้าที่เฝ้าระวังของเจ้าหน้าที่ เป็นเหตุให้มีการหลุดรอดให้มีการกระทำอย่างต่อเนื่อง
จากผลดังกล่าวทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องนำเข้าที่ประชุมหารือแนวทางในการปฏิบัติที่เข้มข้นเด็ดขาดและจริงจัง แต่ปัญหาใหญ่อยู่ตรงที่มีเจ้าหน้าของรัฐ ผันตัวมาเป็นหัวหน้าแก๊งค้าไม้ข้ามชาติเสียเอง อดีตเคยมีการตรวจค้นบ้านพัก ตชด.นายหนึ่ง พบอุปกรณ์ในการแปรรูปไม้ก่อนส่งข้ามโขง พร้อมไม้พะยูงอีกจำนวนมาก แต่เรื่องกลับเงียบหายเข้ากลีบเมฆ ไม่มีอะไรคืบหน้าแต่อย่างใด ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด วันนี้ (3 ส.ค.) เวลาประมาณ 14.00 น. พล.ต.อดุล วชิรเพชรปราณี ผอ.กอ.รมน. พร้อมด้วย พ.ต.อ.อุกฤษณ์ ทรงชัยสงวน ผกก.สภ.เมืองนครพนม และ ตชด.236,ป่าไม้,ฝ่ายปกครอง เดินทางไปยังวัดเวินพระบาทภูกระแตอีกครั้ง เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง พบนายเสกสรร วิเศษสุนทร กำนัน นายอดิศักดิ์ โพนไชยา ผญบ.ม.11 และ หลวงพ่อบรรพต ปัญญาพร เจ้าอาวาส วัย 79 ปี 26 พรรษา ให้รายละเอียดว่าตั้งแต่ปี 2544 ภายในวัดซี่งมีเนื้อที่ 247 ไร่ มีไม้พะยูงประมาณ 500 ต้น ต้นที่ใหญ่ที่สุดราว 5 คนโอบ อายุ 200 กว่าปี ถูกขบวนการมอดไม้ลักลอบตัดจนเหลือแต่ตอ จากนั้นไม้ก็ถูกโค่นอยู่ตลอดเวลา โดยพระในวัดไม่ได้ยินเสียงใดๆ เนื่องจากกลุ่มคนร้ายจะใช้เลื่อยมือแอบมาตัด ก่อนจะขนขึ้นรถที่จอดรออยู่ จนปัจจุบันมีไม้พะยูงเหลือเพียง 10 ต้นเท่านั้น ทางวัดจึงวิงวอนไปยังหน่วยงานราชการส่งคนมาดูแลไม้ที่เหลือตามที่เป็นข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์และทีวี
พ.ต.อ.อุกฤษณ์กล่าวว่า เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมไม้พะยูงที่คนร้ายลอบมาตัดได้ล่าสุดเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่ตลอด 4-5 ปี ผู้กระทำผิดจะทิ้งของกลางหลบหนี รถยนต์ที่ใช้บรรทุกไม้ ตรวจสอบแล้วมักจะเป็นรถที่หนีไฟแนนซ์ ยังไม่ปรากฏว่ามีการข่มขู่ผู้เสียหายด้วยอาวุธปืน แต่จะต้องสอบสวนในชิงลึก หากพาดพิงถึงใครจะเชิญตัวมาสอบถาม
โดยขณะนี้ทาง ผบช.ภ.4 สั่งการเบื้องต้นให้ติดตู้เหลืองภายในวัด มีการตรวจลงชื่อทุกๆชั่วโมง เหตุที่ใช้ตู้เหลืองเพื่อบอกว่าวัดนี้มีไม้พะยูงอยู่ต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น จะต่างจากตู้แดงทั่วๆไป นอกจากนี้จะสนธิกำลัง ทหาร ตำรวจ ตชด. ป่าไม้ และ อพ.ปร.เข้ามาอยู่ในวัด
ด้าน พล.ต.อดุล กำชับให้มีการติดตามสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีคนร้ายใช้อาวุธจี้ข่มขู่พระ หากเป็นจริงจะต้องดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด ทางทหารคงยอมไม่ได้ถ้ามีการกระทำเช่นนี้จริง และไม้พะยูงจะต้องไม่ถูกลักลอบตัดโค่นอีกต่อไป