ศูนย์ข่าวขอนแก่น - พ่อเมืองขอนแก่นมั่นใจทั้งจังหวัดใช้สิทธิออกเสียงประชามติเกิน 60% ยันหลัง 7 ส.ค.หน่วยงานเกี่ยวข้องเดินหน้าดำเนินคดีแกนนำกลุ่มต้านที่เคลื่อนไหวใน มข. 31 ก.ค.ที่ผ่านมาแน่ มีทั้งอดีต ส.ส.-อดีตแกนนำเสื้อแดง ด้านเมียอดีต ส.ส.เพื่อไทย “พรรณวดี” ลั่นหนุนกลุ่มโหวตโนเต็มที่ไม่ยอมรับร่าง รธน.ที่มาจากเผด็จการ
รายงานข่าวแจ้งว่า วันนี้ (3 ส.ค.) ที่ห้องประชุมชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดขอนแก่นหลังใหม่ เวลาประมาณ 10.00 น. นายกำธร ถาวรสถิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานเปิดเวทีแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่อง “ร่างรัฐธรรมนูญฉบับลงประชามติ และประเด็นคำถามเพิ่มเติม” ซึ่ง กกต.ประจำจังหวัดขอนแก่นได้จัดขึ้นเพื่อประชาสัมพันธ์และกระตุ้นให้คนขอนแก่นออกมาใช้สิทธิออกเสียงประชามติในวันที่ 7 ส.ค.ที่จะถึงนี้
โดยกิจกรรมดังกล่าว กกต.ขอนแก่นเชิญวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิมาร่วมแสดงความคิดเห็น รวมถึงฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับร่างฯ นำโดย นางพรรณวดี ตันติศิรินทร์ อดีตแกนนำ นปช.ขอนแก่น ภรรยานายเชิดชัย ตันติศิรินทร์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย
นายกำธร ถาวรสถิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า การใช้สิทธิออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 7 ส.ค.นี้มั่นใจว่าทั้ง 26 อำเภอน่าจะมีผู้มาใช้สิทธิกันมากกว่าร้อยละ 60 โดยทางจังหวัดได้ประสานงานร่วมกับ กกต.เตรียมความพร้อมไว้หมดแล้ว มีการตั้งศูนย์อำนวยการการออกเสียงประชามติขึ้นในทุกอำเภอ ขณะที่กลุ่มต้านหรือกลุ่มที่พยายามออกมาเคลื่อนไหวในวันออกเสียงประชามติ เจ้าหน้าที่ฝ่ายการข่าวและความมั่นคงได้เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด ทุกอย่างต้องว่ากันไปตามกฎหมาย ผิดก็คือผิดไม่มียกเว้น
ซึ่งขณะนี้พบกลุ่มที่พยายามเคลื่อนไหวแสดงออกต่อต้านการออกเสียงประชามติเพียง 1 กลุ่ม เป็นกลุ่มเดียวกันกับที่นัดชุมนุมในมหาวิทยาลัยขอนแก่นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (31 ก.ค.)
“วันนี้เป็นการจัดเวทีแสดงความคิดเห็นตามที่กระทรวงมหาดไทยกำหนด เป็นเวทีสาธารณะที่ทุกฝ่ายสามารถแสดงความเห็นได้ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของกฎหมายว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ซึ่ง กกต.ขอนแก่นเป็นแม่งานหลักในการจัดเวที เราเชิญทุกฝ่ายมาพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกัน”
อย่างไรก็ตาม กรณีเหตุการณ์ความพยายามจัดกิจกรรมรณรงค์โหวตโนของกลุ่มประชาธิปไตยใหม่อีสานและกลุ่มพลเมืองคนรุ่นใหม่ ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานเอกสารหลักฐานดำเนินคดีต่อแกนนำ ในข้อหาบุกรุกสถานที่ราชการ, ข้อหาชุมนุมกันทางการเมืองเกินกว่า 5 คน และการกระทำผิดว่าด้วย พ.ร.บ.ออกเสียงประชามติ
ซึ่งหลังจากจัดให้มีการออกเสียงประชามติในวันที่ 7 ส.ค.แล้วเสร็จ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ และฝ่ายปกครองจะเริ่มดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายทันที
โดยเน้นดำเนินคดีต่อบรรดาแกนนำที่ออกมาเคลื่อนไหว มีทั้งอดีต ส.ส. และอดีตแกนนำคนเสื้อแดง และแนวร่วม นปช. ซึ่งตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมหลักฐานการบันทึกภาพถ่ายและเอกสารหลักฐานต่างๆ ไว้หมดแล้ว
ด้านนางพรรณวดี ตันติศิรินทร์ อดีตแกนนำ นปช.ขอนแก่น กล่าวว่า เห็นด้วยกับหลายฝ่ายที่ออกมาแสดงจุดยืนในการไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าว และเชิญชวนให้คนไทยทั้งประเทศออกมาโหวตโนหรือใช้สิทธิไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ เนื่องจากมีหลายเรื่องที่กำหนดไว้ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ที่ไม่ชอบธรรม มีการกุมอำนาจเบ็ดเสร็จจากส่วนกลาง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ใกล้ถึงวันออกเสียงประชามติจะมีกลุ่มคนต่างๆ มาเคลื่อนไหวมากขึ้น
เพราะต่างต้องการที่เรียกร้องความชอบธรรมและต่อต้านกับระบอบเผด็จการ ต้องการให้ประเทศกลับเข้าสู่การเมืองการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย
นางพรรณวดีอ้างอีกว่า จากการสอบถามประชาชนมีทั้งทราบและไม่ทราบเนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ หลายคนอ่านแล้วงง อ่านแล้วไม่เข้าใจ หลายคนไม่ได้รับเอกสารที่ กกต.หรือคณะกรรมาธิการแจกจ่าย จึงไม่ทราบว่าจะรับหรือไม่รับอย่างไร ดังนั้น การที่เยาวชนและแกนนำต่างๆ ออกมาเคลื่อนไหว โดยเฉพาะกลุ่มนักวิชาการและนักศึกษาและกลุ่มพลังมวลชนออกมาเคลื่อนไหวอย่างหนักในระยะนี้โดยส่วนตัวเห็นด้วยและสนับสนุน
“เป็นการแสดงออกตามสิทธิและเสรีภาพที่ควรได้รับ และมั่นใจว่าจะมีอีกหลายกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวไปจนถึงวันออกเสียงประชามติ แม้กระทั่งอดีตนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีก็ออกมายืนยันว่าไม่เห็นด้วยและไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้เช่นกัน” นางพรรณวดีกล่าว