xs
xsm
sm
md
lg

ลั่นใครหือป่วนจับกุมทันที! “ศรีวราห์” ลงพื้นที่ภาค 3 สั่ง ตร.อีสานคุมเข้มออกเสียงประชามติ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล  รอง ผบ.ตร.  ลงพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 3 จ.นครราชสีมาแถลงข่าวผลกวาดล้างอาชญากรรมและสั่งตำรวจอีสานคุมเข้มรักษาสงบเรียบร้อยการออกเสียงประชามติรธน. วันนี้ ( 1 ส.ค.)
ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “พล.ต.อ.ศรีวราห์” รอง ผบ.ตร. ลงพื้นที่ตำรวจภาค 3 โคราช สั่งตำรวจอีสานคุมเข้มรักษาความสงบเรียบร้อยออกเสียงประชามติ รธน. และบังคับใช้ กม.เคร่งครัด 100% เผยยังไม่พบเคลื่อนไหวต่อต้านในพื้นที่ ลั่นใครแหลมออกมาหรือเกินเลย กม.จับกุมทันที สั่งผู้การขอนแก่นจับตากลุ่มประชาธิปไตยใหม่ ระบุห่วงสถานการณ์ภาคเหนือ-ใต้ ด้าน ตร.ภาค 3 ระดมกำลัง 15,000 นายดูแลหน่วยประชามติ เผยกวาดล้างอาวุธสงครามจับ 240 คน ปืน 234 กระบอก

เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (1 ส.ค.) ที่ศูนย์ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 3 ต.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) พร้อม พล.ต.ท.เดชา ชวยบุญชุม ผู้ช่วย ผบ.ตร.และคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 3 ตรวจติดตามการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดูแลความสงบเรียบร้อยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญและประเด็นเพิ่มเติม 7 สิงหาคม 2559

ทั้งนี้ ก่อนมอบนโยบาย พล.ต.อ.ศรีวราห์ได้แถลงข่าวผลการรดมกวาดล้างอาชญากรรม โดยเฉพาะการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน อาวุธสงคราม วัตถุระเบิด การพนันขันต่อ โดยเฉพาะการพนันเกี่ยวกับการออกเสียงประชามติ และ ยาเสพติดให้โทษ เพื่อป้องกันการกระทำความผิดร้ายแรงหรือความผิดเกี่ยวเนื่องในห้วงเวลาการออกเสียงประชามติ ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 3 รับผิดชอบ 8 จังหวัดอีสานตอนล่าง ประกอบด้วย ชัยภูมิ, นครราชสีมา, บุรีรัมย์, ยโสธร, ศรีสะเกษ, สุรินทร์, อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี

โดยผลการปฏิบัติมกวาดล้างอาชญากรรม ตั้งแต่วันที่ 11-30 ก.ค.ที่ผ่านมาสามารถจับกุมผู้การกระทำผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน อาวุธสงคราม จำนวน 265 ราย ผู้ต้องหา 240 คน ของกลางเป็นอาวุธปืน 234 กระบอก แยกเป็นปืนยาวไม่มีทะเบียน 145 กระบอก ปืนสั้นไม่มีทะเบียน 88 กระบอก, ปืนสั้นมีทะเบียน 1 กระบอก, ผู้กระทำความผิดในการเล่นพนันขันต่อรวม 1,109 ราย ผู้ต้องหา 1,488 คน ของกลางเป็นอุปกรณ์ในการเล่น 881 ชุด และเงินสดจำนวน 10,278 บาท และคดียาเสพติด จับกุมได้ 1,825 ราย ได้ผู้ต้องหา 1,908 คน ของกลางยาบ้าน 216,546 เม็ด, กัญชาแห้ง 341.06 กรัม และ ยาไอซ์ 95.37 กรัม

จากนั้น พล.ต.อ.ศรีวราห์ได้เป็นประธานประชุมมอบนโยบายการรักษาความสงบเรียบร้อยในการลงประชามติ ให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจระดับผู้บังคับการ, รองผู้บังคับการ และผู้กำกับการระดับหน้าหน้าสถานีในพื้นที่ 8 จังหวัดอีสานตอนล่าง เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียงกัน

พล.ต.อ.ศรีวราห์ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการใน 5 ประเด็นหลักๆ คือ สืบสวน หาข่าวภายในพื้นที่รับผิดชอบ จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่ในรับหมู่บ้านชุมชน โดยเฝ้าติดตามข้อมูลสถานการณ์การลงประชามติ พร้อมประสาน กกต. และศูนย์การออกเสียงประชามติ ทุกระดับอย่างใกล้ชิด เพื่อสนับสนุนข้อมูลตลอดจนการปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การปฏิบัติในภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

รวมถึงฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะปฏิบัติหน้าที่ในการออกเสียงประชามติ จัดทำแผนการปฏิบัติ แผนเผชิญเหตุ กำชับการวางตัวเจ้าหน้าที่ให้เหมาะสม และให้ศึกษากฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การปฏิบัติและการบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ครบถ้วน รวมทั้งประชาสัมพันธ์เชิญชวนประชาชนให้ไปใช้สิทธิออกเสียงประชามติ ตลอดจนประชาสัมพันธ์ ข้อห้าม ข้อกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ประชาชนมีความเข้าใจ ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้อง และระดมกวางล้างอาชญากรรมตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค. - 10 ส.ค. 2559

สำหรับพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 3 รับผิดชอบ 8 จังหวัดอีสานตอนล่าง ใช้กำลังในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในการลงประชามติรัฐธรรมนูญวันที่ 7 สิงหาคม นี้ ร่วม 15,000 นาย จนถึงขณะนี้ยังไม่พบความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติหรือคัดค้านการลงประชามติเกิดขึ้นในพื้นที่แต่อย่างใด

พล.ต.อ.ศรีวราห์ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า จากรายงานโดยภาครวมของภาคอีสานยังไม่พบการเคลื่อนไหวในการคัดค้านการลงประชามติเกิดขึ้นแต่อย่างใด ทุกอย่างเรียบร้อย ไม่มีปัญหาอะไร และทุกหน่วยของตำรวจได้บังคับใช้กฎหมาย 100% หากโผล่มาหรือแหลมออกมาก็จัดการทันที

ส่วนกรณีความเคลื่อนไหวของกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ที่ จ.ขอนแก่นนั้น เบื้องต้นยังไม่พบการกระทำผิดยังอยู่ในกรอบของกฎหมาย ไม่มีอะไรเกินเลย และได้สั่งกำชับผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่นไปกำกับดูแลด้วยตนเอง ซึ่งให้จับตาการเคลื่อนไหวและดำเนินการตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด อย่าให้มีการกระทำผิดกฎหมายเกิดขึ้น หากพบเกินเลยต้องจับกุม

สำหรับพื้นที่ที่น่าเป็นห่วงในการลงประชามติคือ ภาคเหนือกับภาคใต้ โดยภาคเหนือได้มีการออกหมายจับแล้ว 11 คน เมื่อวานนี้ (31 ก.ค.) ศาลอนุมัติไปแล้ว ในข้อหา 116 ยุยงปลุกปั่น ข้อหาบิดเปือน และข้อหาอั้งยี่ซ่องโจร ซึ่งเป็นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มที่เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวมาก่อนหน้าที่ และคาดว่าจะมีผู้ที่เกี่ยวข้องเหลืออยู่จะต้องดำเนินการซึ่งคงเหลืออีกไม่มากนัก ส่วนภาคใต้เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของประชาชน










กำลังโหลดความคิดเห็น