ชาวราชสาส์นเร่งซ่อมแซมหลังคาถูกลมพายุพัดถล่มพังยับ

ฉะเชิงเทรา - ชาวราชสาส์น เร่งซ่อมแซมบ้านเรือนกันวุ่น หวั่นฝนตกซ้ำเติม หลังถูกพายุหลายลูกพัดถล่มใส่อย่างต่อเนื่อง ทำให้หลังคาพังเสียหาย และบางรายบ้านพังถล่มลงมาทั้งหลัง แต่ยังไร้การช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแบบเร่งด่วน

วันนี้ (29 ก.ค.) นายสมโภชน์ แสงจันทร์ อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10 ม.6 ต.บางคา อ.ราชสาส์น จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่มีลมพายุหมุนพัดถล่มเข้ามาในเขตพื้นที่ อ.ราชสาส์น อย่างต่อเนื่องถึง 2 ลูกซ้อนนั้น ทำให้บ้านเรือนของชาวบ้านได้รับความเสียหายไปเป็นจำนวนมากเกือบทุกตำบล โดยเฉพาะที่บ้านของตนนั้นได้รับความเสียหายอย่างหนักที่สุดกว่ารายอื่นๆ เนื่องจากตัวบ้านถูกลมพายุพัดจนพังถล่มทั้งหลัง ทำให้ไม่มีที่อยู่พักอาศัย โดยขณะนี้ยังต้องไปอาศัยอยู่ที่บ้านญาติ

นอกจากนี้ ที่บ้านของพี่สาว และบ้านของมารดาตน รวม 3 หลัง ต่างได้รับความเสียหายกันอย่างถ้วนหน้า เพราะถูกลมพายุพัดเอาหลังคาลอยหายไปจนหมดทุกหลัง โดยก่อนหน้านี้ เมื่อ 3 วันก่อนตนยังได้รับเคราะห์กรรมถูกเหล็กแหลมของคราดไถนาเสียบเข้าที่โคนขาขวาจนเป็นแผลทะลุ ทำให้เดินไปไหนได้อยากลำบาก และก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ลมพายุพัดจนบ้านพังถล่มลงมานั้น ยังได้มีงูเหลือมเข้ามาแอบกินแม่ไก่ชนที่กำลังนอนฟักไข่อยู่ภายในบ้านไปอีกด้วย จึงถือว่าเป็นเคราะห์กรรมที่ซ้ำเติมครอบครัวของตนอย่างหนัก แบบซ้ำซ้อนหลายเหตุการณ์

นายสมโภชน์ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆ จากทางหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง โดยมีเพียงเจ้าหน้าที่ทหาร และสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ประจำหมู่บ้านเท่านั้นที่เข้ามาดูแลบ้านที่พังลงมาเท่านั้น ถึงตอนนี้ตนก็ยังคงไม่มีเงินที่จะนำมาใช้ในการซ่อมแซมบ้านพักที่พังถล่มลงมา

ด้าน นายจำรูญ คณะทอง อายุ 52 ปี 47 หมู่ 6 สมาชิก อบต.และประธานสภา อบต.บางคา กล่าวว่า ในเบื้องต้นได้ให้เจ้าหน้าที่ช่างของทางสำนักงาน อบต.บางคา เข้ามาสำรวจดูความเสียหายของบ้านเรือนประชาชนที่ถูกลมพายุพัดพังทุกหลังแล้ว โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ ม.6 ที่ตนเป็นสมาชิก อบต.อยู่นั้น มีความเสียหายหนักมาก อยู่ที่ประมาณ 20 กว่าหลังคาเรือน หลังการสำรวจเสร็จเรียบร้อยแล้วจะได้รายงานไปยังทางอำเภอราชสาส์นต่อไป

ขณะที่ นายโสภณ ปากเมย อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 69 ม.9 ต.เมืองใหม่ อ.ราชสาส์น กล่าวระหว่างการซ่อมแซมบ้านเรือนพักอาศัยว่า ช่วงเหตุการณ์ลมพายุพัดเข้ามานั้นเป็นพายุแบบหมุน ที่พัดมาตามช่องทางลมเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้น แต่ได้หอบพัดเอาหลังคากระเบื้องของบ้านตนหายไปทั้งแถบ อีกทั้งยังได้พัดเอาเศษกระเบื้องไปตกใส่หลังคาเล้าหมูจนได้รับความเสียหายไปด้วยอีก 1 หลัง และที่บ้านพักหลังใหญ่ด้านในฟาร์มอีก 1 หลัง

“ตั้งแต่ตนเข้ามาทำฟาร์มสุกรอยู่ในหมู่บ้านนี้มานานกว่า 10 ปีแล้ว ก็ยังไม่เคยประสบเหตุการณ์ที่มีลมพายุพัดรุนแรงอย่างเช่นในครั้งนี้มาก่อน ซึ่งจากเหตุการณ์ลมพายุพัดเข้ามาสู่อำเภอราชสาส์นในปีนี้นั้น ยังทราบว่าทำให้มีคนเสียชีวิตด้วย 1 รายในหมู่บ้านนี้” นายโสภณ กล่าว