อุบลราชธานี - สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 10 จ.อุบลราชธานี เตือนประชาชน 5 จังหวัดอีสานตอนล่าง ระวังติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ หลังพบผู้ป่วยแล้วกว่า 6,814 คน คาดครึ่งปีหลังมีผู้ป่วยเพิ่มอีกมาก แนะวิธีป้องกันสวมหน้ากากอนามัย เลี่ยงใกล้ผู้ป่วย แม้โรคไม่รุนแรง แต่ดูแลไม่ดีก็เสียชีวิตได้
นพ.ศรายุธ อุตตมางคพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 10 จ.อุบลราชธานี (สคร.10) เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นปี 2559 เป็นต้นมา ประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่เพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตั้งแต่เดือนมกราคมถึงพฤษภาคม 2559 มีผู้ป่วยสะสมแล้ว 51,044 ราย
ขณะที่ช่วงเดียวกันของปี 2558 มีผู้ป่วยเพียง 37,415 ราย ซึ่งโรคดังกล่าวเกิดจากเชื้อไวรัส ติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ บได้ในผู้ป่วยทุกกลุ่มอายุ และเกิดขึ้นได้ตลอดปี แต่มักพบการระบาดสูงขึ้นช่วงฤดูฝน ซึ่งมีสภาพอากาศเย็น และชื้น
สำหรับสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 10 อุบลราชธานี พบโรคไข้หวัดใหญ่ใน 5 จังหวัดอีสานตอนล่าง คือศ รีสะเกษ อำนาจเจริญ ยโสธร มุกดาหาร และอุบลราชธานี จำนวน 6,814 ราย โดยจังหวัดอุบลราชธานี มีผู้ป่วยมากที่สุดประมาณ 6,000 ราย คาดว่าตั้งแต่เดือนมิถุนายน ถึงเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงฤดูฝนจะมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอีก ขอให้ประชาชนระมัดระวังเชื้อโรคดังกล่าว
นพ.ศรายุธ กล่าวต่อว่า เชื้อไข้หวัดใหญ่ อยู่ในน้ำมูก น้ำลาย หรือเสมหะของผู้ป่วย การติดต่อส่วนใหญ่เกิดจากการสัมผัสละอองฝอยจากการไอ จามของผู้ป่วย จะทำให้เชื้อเข้าสู่ร่างกายและติดเชื้อโรคได้ อาการโดยทั่วไป มีไข้ ไอ มีน้ำมูก ผู้ป่วยบางรายมีอาการเจ็บคอ ปวดเมื่อยตามตัว คลื่นไส้อาเจียน ท้องเสีย อาการส่วนใหญ่ไม่รุนแรง และเป็นอยู่ประมาณ 3-5 วัน อาการจะหายไปเองได้ แต่มีส่วนน้อยที่อาจมีอาการรุนแรง เช่น ไอมาก หอบเหนื่อย หายใจลำบาก มีการอักเสบของปอด ทำให้ปอดบวม การหายใจล้มเหลว ซึ่งเป็นอาการที่รุนแรงจนทำให้เสียชีวิตได้
สำหรับกลุ่มเสี่ยงเป็นกลุ่มเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ สตรีมีครรภ์ และผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคปอด โรคอ้วน และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันในร่างกายต่ำ แต่โรคนี้ไม่ถือเป็นโรคร้ายแรง จะให้การดูแลตามอาการ และจะหายเองได้
เมื่อมีบุคคลในบ้าน หรือผู้ใกล้ชิดป่วย หรือสงสัยเป็นไข้หวัดใหญ่ต้องหาวิธีป้องกันการติดต่อ เวลาไอ จาม ควรสวมหน้ากากอนามัยปิดปาก ปิดจมูกเพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อ ล้างมือบ่อยๆ และหลีกเลี่ยงใช้มือสัมผัสหน้า ตา จมูกโดยไม่จำเป็น จะช่วยลดการติดต่อ และแพร่กระจายเชื้อไปสู่คนใกล้ชิด และผู้อื่นได้ หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการข้อมูลฮอตไลน์กระทรวงสาธารณสุข โทร.ฟรีหมายเลข 1422