ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - โค้งสุดท้าย! ผู้ว่าฯ โคราชสั่งสกัดทุกม็อบหยุดเคลื่อนไหว หวั่นแอบแฝงป่วนประชามติ จี้ทุกฝ่ายโหมกระตุ้น ปชช.ใช้สิทธิมากที่สุดไม่ต่ำ 80% เผยชาวโคราชตื่นตัวเต็มที่ สั่ง นอภ. ตำรวจทุกท้องที่ เฝ้าดูแลรักษาเอกสารบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิทุกหน่วยตลอด 24 ชม. ห้ามเกิดเหตุเผา-ทำลายเด็ดขาด ด้านผู้การโคราชเผยระดมกำลัง ตร.ทั้งจังหวัดคุมเข้มวันลงประชามติกว่า 4,000 นาย พร้อมจัดชุดเคลื่อนที่เร็ว 52 ชุด รับมือเหตุฉุกเฉิน
วันนี้ (25 ก.ค.) ที่ห้องประชุมไทรทอง กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ประธานการประชุมมาตรการการรักษาความสงบเรียบร้อยการออกเสียงประชามติ ร่างรัฐธรรมนูญ โดยมีนายสุรพันธ์ ดิสสะมาน รองผู้ว่าฯ นครราชสีมา, พล.ต.ต.ฐากูร นัทธีศรี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา (ผบก.ภ.จว.นม.) พล.ต.อนุสรณ์ นุตสถิต รองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดนครราชสีมา (รอง ผอ.กอ.รมน.) และพ.ต.ท.รพีพงษ์ จีระพัฒนาลักษณ์ รอง.ผอ.กกต.จ.นครราชสีมา พร้อมด้วยหัวหน้าสถานีตำรวจภูธรในสังกัด ภ.จว.นครราชสีมา, นายอำเภอทั้ง 32 อำเภอ, เจ้าหน้าที่ฝ่ายอำนวยการ ภ.จว.นครราชสีมา เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง โดยใช้เวลาการประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง
นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้หารือใน 3 ประเด็นหลัก คือ 1. การรณรงค์ประชาชนให้ออกมาใช้สิทธิในการลงประชามติในวันที่ 7 ส.ค. 2559 นี้ให้มากที่สุด ไม่ต่ำกว่า 80% โดยจากข้อมูลล่าสุดพบว่าจังหวัดนครราชสีมามีผู้มีสิทธิลงประชามติจำนวน 2.02 ล้านคน ในจำนวนนี้มีรายว่าอยู่ในพื้นที่ประมาณ 70% ลงทะเบียนขอใช้สิทธิลงประชามติในต่างจังหวัด จำนวน 13,755 คน และมีประชาชนจังหวัดอื่นลงทะเบียนขอใช้สิทธินอกเขตจังหวัดนครราชสีมา จำนวน 7,934 คน
โดยได้กำชับให้ทุกหน่วยร่วมกันรณรงค์ให้ผู้ที่มีสิทธิในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ทั้งหมดออกมาใช้สิทธิ 100% ทั้งการใช้กลไกของ อสม.ในการร่วมกันรณรงค์ กระตุ้น และอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่จะออกมาลงประชามติอย่างเต็มที่ ทั้งกรณีผู้มีสิทธิเป็นผู้พิการ คนชรา หรือในพื้นที่ทุรกันดารห่างไกลที่จะต้องอำนวยความสะดวกในการเดินทาง ล่าสุดขณะนี้ประชาชนทุกพื้นที่ตื่นตัวรับทราบแล้วว่าวันที่ 7 ส.ค.นี้เป็นหน้าที่ทุกคนที่จะไปใช้สิทธิลงประชามติ ซึ่งครู ก. ข. และ ค. ได้ลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์อย่างเต็มที่แล้ว
เรื่องที่ 2 คือ การดูแลความสงบเรียบร้อย ทั้งก่อนการลงประชามติ ช่วงการลงประชามติ และหลังลงประชามติ เพื่อดูแลรักษาเอกสาร, บัญชีรายชื่อ, หน่วยเลือกตั้ง และการส่งหีบบัตร โดยขณะนี้ยังไม่พบมีรายงานการทำลายเอกสาร บัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิลงประชามติ ตามหน่วยเลือกตั้งแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าช่วงนี้เป็นฤดูฝนอาจมีบางหน่วยเลือกตั้งที่นำบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิไปติดแล้วเกิดชำรุด เปียก หรือไม่สมบูรณ์ ดังนั้น วันนี้ได้สั่งการให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และนายอำเภอลงไปรีเช็กหรือตรวจสอบหน่วยเลือกลงประชามติทุกหน่วยเพื่อตรวจดูสภาพของเอกสาร และบัญชีรายชื่อให้มีความสมบูรณ์เรียบร้อย และให้ทางตำรวจส่งชุดเข้าไปตรวจสอบความเรียบร้อยอีกครั้ง พร้อมเน้นย้ำว่าห้ามไม่ให้มีการเผา ทำลาย หรือฉีกบัญชีรายชื่อเกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด ต้องมีการเฝ้าระวังตรวจตราดูแลรักษากันตลอด 24 ชั่วโมง
ส่วนในช่วงการลงประชามติ ให้มีการจัดกำลังฝ่ายปกครอง ตำรวจ เข้าไปดูแลจัดการให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยอย่าให้มีการกระทำผิดเกิดขึ้นในหน่วยลงประชามติ หากหน่วยใดมีปัญหาเรื่องกำลังพลให้ร้องขอเจ้าหน้าที่ทหารเข้ามาช่วยดำเนินการได้ และช่วงหลังจากลงคะแนนให้สนับสนุน กกต.ในการขนหีบบัตรเลือกตั้ง และดูแลหีบบัตรให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยด้วย
นายวิเชียรกล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องสุดท้ายคือเรื่องการหาข่าวกลุ่มพลังมวลชนที่จะมาก่อความไม่สงบเกิดขึ้นได้ โดยขณะนี้กำชับให้ฝ่ายปกครองดูแลเรื่องการเคลื่อนไหวของทุกกลุ่มไม่ให้มีการชุมนุมในช่วงนี้จนถึงวันลงประชามติเนื่องจากเกรงว่าอาจมีการแอบแฝงการชุมนุมรูปแบบอื่นบังหน้า ฉะนั้นวันนี้จึงต้องขอความร่วมมือกับทุกกลุ่มให้หยุดการเคลื่อนไหวก่อนเพื่อให้ผ่านช่วงนี้ไปให้ได้
ส่วนหนึ่งได้สั่งกำชับไปทางศูนย์ดำรงธรรมเพื่อให้สรุปประเด็นปัญหาของกลุ่มต่างๆ ที่ร้องเรียนเข้ามา และคาดว่าจะมีการชุมนุมเกิดขึ้น ให้ติดต่อเจรจาให้ชะลอหรือหยุดการรวมตัวชุมนุมในช่วงนี้ไปก่อน โดยทางจังหวัดจะเข้าไปแก้ปัญหาต่างๆ ให้เร็วที่สุด
ด้าน พล.ต.ต.ฐากูร นัทรีศรี ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา เปิดเผยว่า การจัดการลงประชามติครั้งนี้ ตำรวจภูธจังหวัดนครราชสีมาได้ระดมกำลังที่มีอยู่กว่า 4,000 นายดูแลความเรียบร้อยอำนวยความสะดวกและประจำตามหน่วยเลือกตั้ง จำนวน 4,376 หน่วย หน่วยละ 1 นาย รวมทั้งหน่วยเลือกตั้งนอกเขตจังหวัดด้วย ซึ่งบางหน่วยเลือกตั้งที่กำลังไม่เพียงพอ จะร้องขอไปยังฝ่ายปกครองและฝ่ายทหารให้จัดกำลังเจ้าหน้าที่เข้ามาเสริม นอกจากนี้ยังจัดชุดเคลื่อนที่เร็ว สภ.ละ 1 ชุด 5 นาย รวม 52 ชุดเพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์เหตุฉุกเฉิน
อย่างไรก็ตาม จากการติดตามหาข่าวเชิงลึกยังไม่พบการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ หรือการเตรียมการก่อความไม่สงบเกิดขึ้นในพื้นที่แต่อย่างใด ประชาชนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และตำรวจทุก สภ.จะเข้าไปดูแลเรื่องการชุมนุมของกลุ่มอื่นๆ พร้อมขอร้องไม่ให้มีการชุมนุมเกิดขึ้นในช่วงนี้เพื่อความเรียบร้อยในการรักษาความสงบในช่วงการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีพื้นที่ใดน่าเป็นห่วงมากนัก