ศรีสะเกษ - “ยายลอน” เจ้าของที่ดินวัดป่าขันติธรรม ขอให้ “อดีตเณรคำ” ยอมรับชะตากรรม ชี้ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎแห่งกรรม และกรรมใดใครก่อกรรมย่อมตามสนอง ขณะลูกศิษย์ประจำวัดยันยังคงให้ความศรัทธา “หลวงปู่เณรคำ” เช่นเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลงแม้จะมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม
เมื่อเวลา 13.20 น. วันนี้ (24 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ นางลอน มนัส อายุ 71 ปี เจ้าของที่ดินที่ได้ถวายที่ดินให้ นายวิรพล สุขผล หรืออดีตหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก เพื่อใช้เป็นที่ตั้งวัดป่าขันติธรรม หรือในปัจจุบันชื่อว่า วัดสามัคคิยาราม ซึ่งปัจจุบันนางลอนได้ขออนุญาตตั้งวัดป่าขันติธรรมให้ถูกต้องตามกฎหมายเรียบร้อยแล้ว และได้รับการตั้งชื่อวัดใหม่ว่า “วัดสามัคคิยาราม”
ต่อมา พระญาณวิเศษ เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุต ได้แต่งตั้งให้ พระอธิการกชพงค์ สุจิณโณ มาเป็นเจ้าอาวาสวัดสามัคคิยาราม แต่สภาพวัดสามัคคิยาราม ค่อนข้างเงียบเหงาและทรุดโทรมมากเนื่องจากยังไม่มีการนำเอารูปภาพขนาดใหญ่ของอดีตเณรคำที่ติดตั้งอยู่ภายในวัดลงมา ทำให้ชาวบ้านที่เชื่อในข่าวไม่มีความศรัทธาที่จะเข้ามาทำบุญในวัดและไม่ได้เข้ามาช่วยกันก่อสร้างพระแก้วมรกตองค์ใหญ่ที่สุดในโลกให้แล้วเสร็จ เนื่องจากชาวบ้านเกรงว่าอาจมีปัญหาตามมาในภายหลังจากที่สร้างเสร็จแล้ว เนื่องจากบรรดาศิษย์ของอดีตเณรคำได้มีการประกาศว่าอีกไม่นานอดีตเณรคำจะกลับมาอยู่และพัฒนาที่วัดแห่งนี้ให้เจริญมากกว่านี้
นางลอน ชาวบ้านผู้ใจบุญถวายที่ดินสร้างวัดอดีตเณรคำ กล่าวว่า เพิ่งทราบข่าวจากทางสื่อว่าอดีตเณรคำโดนตำรวจสหรัฐอเมริกาจับกุมตัวได้แล้ว ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ได้ประสานงานไปยังสหรัฐอเมริกาเพื่อให้ช่วยติดตามจับกุมอดีตเณรคำ ตนขอแสดงความยินดีกับดีเอสไอด้วยที่สามารถติดตามจับกุมตัวอดีตเณรคำได้ หลังจากที่มีข่าวว่าอดีตเณรคำได้ปล่อยข่าวเพื่อสร้างศรัทธาให้กับตนเองเพื่อให้ผู้ที่ยังหลงงมงายศรัทธาในตัวอดีตเณรคำเชื่อว่าดีเอสไอไม่สามารถที่จะทำอะไรอดีตเณรคำได้
ขณะนี้โดยส่วนตัวแล้วตนไม่รู้สึกอย่างไรกับเหตุการณ์นี้ ขอให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองดำเนินคดีไปตามกฎหมาย ผิดถูกอย่างไรก็ว่ากันไปตามกฎหมาย และขอแสดงความเสียใจกับอดีตเณรคำด้วยที่ถูกตำรวจสหรัฐอเมริกาจับกุมได้ในที่สุดหลังจากที่พยายามหลบหนีคดีมานานหลายปีแล้ว เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นต้องเป็นไปตามกฎแห่งกรรม กรรมใดใครก่อกรรมนั้นย่อมตามสนองคนที่ก่อกรรมนั้นไว้
เรื่องเงิน ผู้หญิง กิเลสตัณหาหากตัดไม่ขาด ทำให้พระต้องเสียพระมามากแล้ว ขอให้อดีตเณรคำยอมรับชะตากรรมที่ก่อเอาไว้ ส่วนตนอโหสิกรรมให้อดีตเณรคำไปนานแล้ว เพราะตนเชื่อในกฎแห่งกรรมนั่นเอง
ทางด้าน นางคำหล้า สิมมะณี อายุ 64 ปี ชาวบ้านยางที่มาปฏิบัติธรรมและช่วยดูแลที่วัดสามัคคิยารามเป็นประจำ กล่าวว่า ตนไม่ทราบเรื่องราวที่อดีตเณรคำถูกจับกุมได้แล้ว ทุกสิ่งอย่างคงต้องปล่อยไปตามยถากรรม ทุกอย่างเมื่อเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป ถึงอย่างไรก็ตามตนจะมาปฏิบัติธรรมและช่วยดูแลวัดตามปกติ เพราะถือว่าวัดเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ คนต่างหากที่เสีย วัดไม่ได้เสียหายแต่อย่างใด
ส่วนเรื่องความศรัทธาของแต่ละคนที่มีต่ออดีตเณรคำนั้นห้ามกันไม่ได้ อยู่ที่ความเชื่อของแต่ละบุคคล ซึ่งตนยังคงให้ความศรัทธาหลวงปู่เณรคำเช่นเดิม ไม่มีเปลี่ยนแปลงแม้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม