บุรีรัมย์ - ตำรวจ สภ.ลำปลายมาศ บุรีรัมย์ จับพระดัดแปลงรถ 6 ล้อเป็นกุฏิเคลื่อนที่ บรรทุกอัฐบริขาร เครื่องครัว ติดแอร์ ตระเวนใบ้หวย สะเดาะเคราะห์ไปทั่วไม่เข้าจำพรรษาตามวัด เบื้องต้นยึดรถไว้ตรวจสอบเพราะไม่ติดป้ายทะเบียนไม่มีคู่มือ ส่วนพระส่งให้เจ้าคณะตำบลพิจารณาโทษทางวินัยสงฆ์
วันนี้ (24 ก.ค.) พ.ต.อ.ณรงค์ เกตุบรรจง ผู้กำกับการ สภ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งจากประชาชนว่ามีพระรูปหนึ่งมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ไม่ยอมเข้าจำพรรษาที่วัดทั้งที่เป็นช่วงเข้าพรรษา แต่กลับใช้ชีวิตอยู่บนรถที่ดัดแปลงเป็นกุฏิเคลื่อนที่ ออกตระเวนใบ้หวย สะเดาะเคราะห์ไปตามสถานที่ต่างๆ
จึงได้สั่งการให้ พ.ต.ท.สัญญา อุทุมพร สารวัตรสืบสวนสอบสวน พร้อม พ.ต.ท.สุรเชกข์ มณีเติม สวป., ร.ต.อ.สยาม สารศรี รอง สวป. และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบ สภ.ลำปลายมาศ ออกไปตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้ง พบรถ 6 ล้อมือสองไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ต่อเป็นพ่วง 2 พ่วงดัดแปลงตกแต่งเป็นกุฏิเคลื่อนที่ ภายในมีอัฐบริขาร เครื่องครัว ห้องน้ำ ทั้งติดเครื่องปรับอากาศคล้ายกับห้องพักตามโรงแรม รีสอร์ต จอดอยู่ใกล้กับร้านอาหารแห่งหนึ่ง บริเวณบ้านแท่นพระ ต.หนองคู อ.ลำปลายมาศ โดยมีพระสันติ ปภากโร อายุ 64 ปี เป็นเจ้าของรถคันดังกล่าว แต่ไม่พบคนขับ
จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้นิมนต์พระสันติมาสอบสวนที่ สภ.ลำปลายมาศ ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบพระรูปดังกล่าวมีใบสุทธิพระ อุปสมบทเมื่อปี 2546 ที่วัดแห่งหนึ่งใน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ แต่ไม่มีสมุดคู่มือ หรือเอกสารหลักฐานการครอบครองรถ
เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดรถคันดังกล่าวไว้เนื่องจากไม่ได้ติดแผ่นป้ายทะเบียน ดัดแปลงต่อเติม รวมทั้งยึดไว้ตรวจสอบด้วยว่ารถคันดังกล่าวได้มาโดยถูกต้องหรือไม่ พร้อมได้นิมนต์พระรูปดังกล่าวไปยังวัดบ้านกะทิง ต.หินโคน เพื่อให้พระครูพิพิธสารคุณ เจ้าคณะตำบลหินโคน เป็นผู้พิจารณาลงโทษธรรมวินัย เนื่องจากพระรูปดังกล่าวประพฤติไม่เหมาะสม ทั้งการตระเวนใบ้หวย สะเดาะเคราะห์ไปตามจังหวัดต่างๆ ทั้งภาคกลาง และภาคอีสาน ไม่ได้จำพรรษาอยู่ที่วัด
จากการสอบถามพระสันติ ปภากโร พระเจ้าของกุฏิเคลื่อนที่ดังกล่าว บอกว่า ได้สั่งประกอบรถ 6 ล้อมือสองทำเป็นกุฏิเคลื่อนที่ ที่ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ในราคากว่า 300,000 บาท ส่วนคนขับจะวานให้ญาติโยมเป็นคนขับให้ โดยจะขับต่อเป็นช่วงๆ ไป เมื่อจอดรถจุดไหนก็จะมีโยมขับ
ทั้งยังบอกด้วยว่าได้จำพรรษาที่วัดแล้ว แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าจำพรรษาที่วัดไหน และไม่มีเจ้าอาวาส หรือพระรูปใดมารับรองให้ จึงไม่สามารถยืนยันได้ว่าพระรูปดังกล่าวจำพรรษาจริงหรือไม่ ซึ่งถือว่าผิดวินัยสงฆ์