อุบลราชธานี - 2 แม่ลูกเก็บของป่ารุกล้ำเขตอุทยานแห่งชาติภูจองนายอย และที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า ถูกหมีควายจู่โจมทำร้าย ต้องส่งตัวมายังโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์เพื่อดึงเล็บหมีออกจากใบหน้า ล่าสุดอาการปลอดภัยแล้ว
วานนี้ (26 มิ.ย. 59) นายธีระยุทธ วงศ์ไพเสริฐ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูจองนายอย อ.นาจะหลวย จ.อุบลราชธานี ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลประจำอำเภอนาจะหลวยว่า พบสองแม่ลูกถูกหมีควายทำร้ายเข้ารับการรักษา ทราบชื่อคือ นางจันดี แก้วพวงดี อายุ 47 ปี และนายสมพร พันตา อายุ 26 ปี ทั้งคู่เป็นชาวบ้านพืชอุดม อยู่บ้านเลขที่ 104 บ้านพืชอุดม หมู่ 6 ต.บุเปือย อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี โดยผู้บาดเจ็บทั้งสองอ้างว่าขึ้นไปเก็บเห็ดป่าในเขตอุทยานแห่งชาติบริเวณภูน้ำบุ้น หลังวัดภูพลาญสูง ซึ่งเป็นแหล่งที่อาศัยของหมี และถูกหมีควาย 1 ตัวจู่โจม ใช้มือตบที่หน้านางจันดีจนได้รับบาดเจ็บที่คิ้วด้านขวาและแก้มซ้าย แพทย์ได้ทำแผลและอนุญาตให้กลับบ้านเพราะบาดแผลไม่ฉกรรจ์
ส่วนนายสมพรถูกหมีตบถูกใบหูขวาฉีก และเล็บหมีฝังอยู่ที่หางคิ้วตาด้านขวา มีเลือดออกจำนวนมาก แพทย์เกรงกระทบกระเทือนถึงกะโหลก จึงส่งตัวให้แพทย์โรงพยาบาลศูนย์สรรพสิทธิประสงค์ อ.เมืองอุบลราชธานี ช่วยทำบาดแผล เบื้องต้นแพทย์ได้เย็บแผลที่ใบหู พร้อมดึงเล็บหมีที่ฝังอยู่ใต้คิ้วด้านขวาออกก่อนเย็บบาดแผลให้ และให้นายสมพรนอนพักดูอาการที่หอผู้ป่วยศัลยกรรมชายตึก 2 ชั้น 2 และจะนำตัวไปเอกซเรย์หาผลข้างเคียงต่อไป
นายธีระยุทธกล่าวต่อว่า ปกติพื้นที่ภูพลาญสูงตลอดจนพื้นที่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูจองนายอยตามเทือกเขาพนมดงรักที่เป็นพรมแดนกั้นระหว่างประเทศไทย กัมพูชา และลาว เป็นเขตที่อยู่อาศัยของหมีควายและหมีหมาจำนวนมาก และเป็นเขตห้ามเข้ามาล่าสัตว์หรือเก็บของป่า แต่วิถีของชาวบ้านมักขึ้นมาหาของป่าหรือล่าสัตว์เป็นประจำ ซึ่งอุทยานแห่งชาติฯ ได้ประกาศเตือนชาวบ้านมาตลอด แต่ก็พบการฝ่าฝืน
ในกรณีของนายสมพร และนางจันดี เป็นการฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงาน อาจต้องถูกปรับหากพบกระทำผิดจริง ส่วนการตามล่าหมีที่ทำร้ายสองแม่ลูกเจ้าหน้าที่คงไม่ทำอะไร เนื่องจากจุดที่ถูกทำร้ายเป็นที่อยู่อาศัยของหมีตามปกติ โดยหมีไม่ได้ลงไปทำร้ายผู้คนที่อยู่เบื้องล่างแต่อย่างใด