เพชรบุรี - บริษัทดับเบิลยูพีจีอีฯ จัดพิธีวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างโรงงานแปรรูปขยะเป็นพลังงานแห่งแรกของเพชรบุรี
ที่บริเวณสถานที่ก่อสร้างโรงงานแปรรูปขยะเป็นพลังงาน ม.7 ต.ท่าแลง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี บริษัทดับเบิลยูพีจีอี เพชรบุรี จำกัด ได้จัดพิธีวางศิลาฤกษ์โรงงาน โดยมี นายประทีป กีรติเรขา รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน พร้อมด้วย นายสนิท ขาวสอาด ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี น.ส.รมย์ชลี จันทร์ประสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทดับเบิลยูพีจีอี เพชรบุรี จำกัด นายประดิษฐ์ แจ่มจันทรา อุตสาหกรรมจังหวัดเพชรบุรี นายชวลิต ปราบพาล นายอำเภอท่ายาง และแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมพิธีจำนวนมาก
น.ส.รมย์ชลี จันทร์ประสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทดับเบิลยูพีจีอี เพชรบุรี จำกัด เปิดเผยว่า จากปัญหาวิกฤตขยะล้นเมืองซึ่งเป็นปัญหาที่พอกพูนมาหลายยุคหลายสมัย จนถึงรัฐบาลปัจจุบันได้ยกระดับปัญหาในเรื่องดังกล่าวให้เป็นวาระแห่งชาติ และมีแนวคิดที่จะสนับสนุนให้นำขยะมาเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้า โดยมีการร่วมมือกับ บริษัทดับเบิลยูพีจีอี เพชรบุรี จำกัด และบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งโรงงานแปรรูปขยะเป็นพลังงานในพื้นที่ดังกล่าวเพื่อใช้เป็นสถานที่ศูนย์รวมในการกำจัดขยะของ 5 อำเภอ ในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี
ประกอบด้วย อำเภอท่ายาง อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอบ้านลาด อำเภอบ้านแหลม และอำเภอแก่งกระจาน รวม 66 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมีขยะวันละประมาณ 300 ตัน ทั้งนี้ จังหวัดเพชรบุรี เป็นจังหวัดหนึ่งที่เกิดปัญหาขยะสะสมตกค้างมากถึง 1.2 ล้านตัน ติดอันดับ 5 ของประเทศ ต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 1 ปี ตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องดำเนินการกำจัดขยะใหม่ที่เกิดขึ้นวันละ 521 ตัน รวมทั้งขยะเก่าตกค้างสะสมให้หมดสิ้นอย่างรวดเร็ว
สำหรับการแปรรูปขยะเป็นพลังโดยการนำขยะที่มีอยู่เป็นขยะเชื้อเพลิงโดยใช้พลังงานความร้อนผลิตไฟฟ้า เพราะฉะนั้น พลังงานไฟฟ้าจะมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 7.5 เมกะวัตต์ ทั้งนี้ ทางบริษัทฯ ได้ทำการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ และรายงานศึกษาผลกระทบด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมเสร็จแล้วก่อนที่จะลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และได้รับอนุญาตประกอบกิจการโรงไฟฟ้าเรียบร้อยแล้ว
โดยมีความตั้งใจ และมุ่งมั่นที่จะพัฒนาโครงการฯ ให้เป็นโครงการต้นแบบของประเทศ และศูนย์เรียนรู้ในการแปรรูปขยะเป็นพลังงานแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ว่าจ้างให้บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ร่วมลงทุนในโครงการนี้เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จ และดำเนินการได้ภายในต้นปี 2561 เป็นต้นไป