กาฬสินธุ์ - นักร้องดัง ศร สินชัย พร้อมทีมทนายเข้าแจ้งความดำเนินคดี “เสี่ยหมู” ลูกเขยกำนันตำบลบัวบาน ข้อหาฉ้อโกงทรัพย์กรณีค่ามัดจำที่ดิน ขณะที่ตำรวจเตรียมเรียกคู่กรณีเจรจาหาข้อยุติ
จากกรณี นายเกรียงไกร โม้แพง กำนันตำบลบัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เข้าแจ้งความต่อตำรวจ สภ.นากุง อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เพื่อให้ดำเนินคดีต่อ นายพรชัย สรงศรี หรือศร สินชัย นักร้องลูกทุ่งอีสานชื่อดังเจ้าของบทเพลงผัวเก่า และนายวีระยุทธ วงษ์มา คนสนิท และผู้ดูเวทีให้แก่นักร้องคนดัง ในข้อหาบุกรุก ลักทรัพย์ และข่มขู่ให้หวาดกลัว กรณีนักร้องดังนำลูกน้องไปขนย้ายเวทีการแสดงจากบ้านพัก ซึ่งเป็นที่ทำการกำนันตำบลบัวบาน เลขที่ 11 ม.21 บ้านโคกก่องใต้ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์
ซึ่งฝ่ายนักร้องคนดังระบุว่า สาเหตุที่ต้องไปขนย้ายเวทีกลับ และไม่ให้ร่วมงานด้วยนั้น เนื่องจากถูกเสี่ยหมูลูกเขยกำนันโก่งราคาขายที่ดินสร้างสำนักงานใหม่ และหลอกเอาเงินมัดจำไป 1 แสนบาท
ล่าสุด ที่ สภ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ นายพรชัย สรงศรี หรือศร สินชัย นักร้องลูกทุ่งอีสานชื่อดัง พร้อมด้วย นายสันติวัสถ์ สังข์วรรณะ ทนายความ และทีมงามเดินเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.ปฏิวัติ ประวิเศษ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.ยางตลาดให้ดำเนินคดีต่อ “เสี่ยหมู” ซึ่งทราบชื่อจากนายเกรียงไกร กำนันตำบลบัวบาน ว่า ชื่อนายอมรกัญญาณัฐ ไชยาณรงค์ หรือเสี่ยหมู ซึ่งเป็นลูกเขยนายเกรียงไกร โม้แพง กำนันตำบลบัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ในข้อหาฉ้อโกงทรัพย์
โดยศร สินชัย กล่าวว่า วันนี้ตนพร้อมทนายความ และทีมงานเข้ามาแจ้งความต่อตำรวจ สภ.ยางตลาด เพื่อให้ดำเนินคดีต่อ นายอมรกัญญาณัฐ ไชยาณรงค์ หรือเสี่ยหมู ลูกเขยนายเกรียงไกร โม้แพง กำนันตำบลบัวบานในข้อหาฉ้อโกงทรัพย์
ศร สินชัย ให้การว่า สืบเนื่องจากตนจะทำวงหมอลำเรื่องต่อกลอนทำนองขอนแก่นคณะ “ศร สินชัย” โดยเปิดรับสมัครทีมงานทุกแผนกทางเฟซบุ๊ก ต่อมา มีคนชื่อเสี่ยหมู โทรศัพท์เข้ามา บอกว่าชื่อหมู จากวังน้ำเขียว ซึ่งมาทราบชื่อภายหลังว่า นายอมรกัญญาณัฐ ไชยาณรงค์ แต่ไม่ทราบว่าเป็นชื่อและนามสกุลจริงหรือไม่ แต่เท่าที่ทราบเป็นลูกเขยของนายเกรียงไกร กำนันตำบลบัวบาน
โดยเข้ามาขอร่วมทำวงด้วย จากนั้นมีการพูดคุยตกลงกันว่าให้เสี่ยหมู รับผิดชอบระบบเครื่องเสียง และไฟ ซึ่งจะได้ค่าร่วมการแสดงครั้งละ 5 หมื่นบาท ต่อมา เสี่ยหมู โทรศัพท์มาขอยืมเวที ซึ่งตนก็ให้ยืมเวทีเก่า และนำไปปรับปรุงซ่อมแซมเอาเองที่บ้านกำนันเกรียงไกร
จากนั้นได้มีการพูดคุยกันกับเสี่ยหมู ว่า จะทำสำนักงานใหม่ เพราะสำนักงานเดิมที่บ้านใน อ.บรบือ จ.มหาสารคาม เนื้อที่แคบ โดยเสี่ยหมู อาสาเป็นคนจัดหาสถานที่ให้ กระทั่งหาพื้นที่ได้ประมาณ 10 ไร่เศษ อยู่ใน ต.นาดี อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์
ซึ่งเสี่ยหมู บอกว่า เจ้าของที่ต้องการขายในคารา 2 ล้านบาท แต่ตนก็ยังไม่ตกลง และตัดสินใจที่จะซื้อ แต่อยู่ดีๆ เสี่ยหมู โทรศัพท์มาบอกว่าได้จ่ายค่ามัดจำที่ดินไปให้ก่อนแล้ว 6 แสนบาท ซึ่งเริ่มแรกตนก็รู้สึกแปลกใจ เพราะคนเพิ่งรู้จักกันทำไมถึงกล้าออกเงินให้ก่อนมากถึง 6 แสนบาท แต่ด้วยความซื่อจึงไม่ได้คิดอะไร กระทั่งต่อมา เสี่ยหมู ได้มาทวงเงินค่ามัดจำ ตนจึงไปขอกู้เงินจากธนาคาร แต่ธนาคารให้กู้ได้เพียง 2 แสนบาท จึงได้โอนเงินไปให้เสี่ยหมูเบื้องต้นก่อน 1 แสนบาท เนื่องจากเกรงใจ และส่วนที่เหลือก็จะทยอยส่งไปให้จนครบ
ศร สินชัย ให้การอีกว่า ล่าสุด ตนและทีมงานได้ไปสอบถามกับเจ้าของที่ดินที่ต้องการขายทราบว่า เสี่ยหมู เพิ่งจะนำเงินมามัดจำเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2559 เพียง 5 หมื่นบาท หลังจากที่ตนโอนเงินไปให้ 1 แสนบาท ซึ่งไม่ได้มัดจำเป็นเงิน 6 แสนบาท ตามที่เสียหมูอ้าง และที่ดิน 10 ไร่เศษ เจ้าของที่ดินก็จะขายเพียง 1.3 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งเรื่องดังกล่าวถือว่าเป็นการโกหกหลอกลวง และฉ้อโกงจึงต้องเข้าแจ้งความดำเนินคดีในครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม ศร สินชัย ระบุอีกว่า สำหรับกรณี นายเกรียงไกร โม้แพง กำนันตำบลบัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ที่เข้าแจ้งความต่อตำรวจ สภ.นากุง อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ให้ดำเนินคดีต่อตน กรณีการเข้าไปขนย้ายเวทีที่บ้านกำนันนั้นก็ปล่อยไปตามกระบวนการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ยืนยันว่าไม่ได้เข้าไปบุกรุก ลักทรัพย์ และข่มขู่แต่อย่างใด เพราะเป็นการไปเอาเวทีของตนเองกลับคืน โดยระหว่างการขนย้ายกำนันอยู่บ้านด้วย ส่วนที่กำนันระบุว่า ตนโทรศัพท์มาข่มขู่ฆ่าหลานนั้น ยังยืนยันว่าไม่ได้ข่มขู่
เพราะตนเป็นนักร้อง ไม่ได้เป็นนักเลง หรืออันธพาล ซึ่งเป็นการพูดจาจากความรู้สึกด้วยความห่วงใยที่ไม่อยากให้เรื่องบานปลายเท่านั้น ขึ้นโรงพัก ขึ้นศาล เพราะอยากให้ทุกคนทำมาหากิน
ด้าน พ.ต.ท.ปฏิวัติ ประวิเศษ รอง ผกก.(สอบสวน) สอบสวน สภ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า เบื้องต้น ตำรวจลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานแล้ว ต่อไปจะต้องสืบหาชื่อ และตัวตนจริงของเสี่ยหมู พร้อมเรียกคู่กรณีทั้งสองฝ่ายเข้ามาพูดคุยเจราจากันว่าจะสามารถหาข้อยุติเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้หรือไม่ เพราะคดีนี้สามารถยอมความกันได้ แต่ถ้าหากไม่สามารถตกลงกันได้ ตำรวจก็จะดำเนินตามกฎหมายต่อไป