อุบลราชธานี - ปลาเลี้ยงในกระชังแม่น้ำมูล ที่ อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ตายอีกกว่า 20 ตัน ประมงชี้สาเหตุฝนชะล้างสารเคมีตกค้างจากการทำเกษตรกรรมลงสู่ลำน้ำ ประกอบกับมีผักตบชวาจำนวนมาก ทำให้น้ำมีออกซิเจนน้อยจนสัตว์น้ำอาศัยอยู่ไม่ได้ เบื้องต้นเสียหายกว่า 1.2 ล้านบาท
วันนี้ (20 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้เลี้ยงปลาในกระชังในแม่น้ำมูลที่บ้านโพธิ์ศรี ต.โพธิ์ศรี อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ลำเลียงปลานิลและปลาทับทิม ปลาเลี้ยงอายุราว 5 เดือน ซึ่งมีน้ำหนักตัวเฉลี่ยตั้งแต่ 7-10 ขีด ตายจากขาดออกซิเจนขึ้นมาทำเป็นปลาร้าขายกิโลกรัมละ 10-15 บาท และเดินเครื่องฉีดพ่นน้ำเพิ่มออกซิเจนให้ปลาที่เหลือ
ขณะเดียวกันก็มีพ่อค้ามารับซื้อปลาที่ตายและยังไม่ตาย เพื่อส่งขายเข้าตลาดราคาถูกลดการขาดทุนจากปลาตายครั้งนี้
หลังเกิดเหตุนายประเสริฐ มั่นศิริ ประมงจังหวัด พร้อมเจ้าหน้าที่ประมงอำเภอลงพื้นที่หาสาเหตุการตายของปลาเลี้ยงในกระชัง โดยนำเครื่องมือตรวจวัดค่าออกซิเจนในน้ำพบว่า มีค่าออกซิเจนเพียง 0.6 พีพีเอ็ม ซึ่งเกณฑ์ที่สัตว์น้ำจะอยู่อาศัยได้ ต้องมีค่าออกซิเจนไม่น้อยกว่า 2.5 พีพีเอ็ม
สำหรับสาเหตุที่ทำให้มีออกซิเจนในน้ำน้อย คาดเกิดจากมีกองผักตบชวาจำนวนมหาศาลไหลมารวมกันใกล้บริเวณกระชังใช้เลี้ยงปลา ประกอบกับช่วงนี้ 2-3 วันที่ผ่านมา ท้องฟ้าปิดมีฝนตก ทำให้น้ำฝนชะล้างสารเคมีที่เหลือจากการทำเกษตรกรรมไหลลงสู่ลำน้ำจนทำให้ลำน้ำขุ่น และเกษตรกรมีการเลี้ยงปลาหนาแน่นในกระชังทำให้ออกซิเจนไม่เพียงพอจนทำให้ปลาเลี้ยงตาย
เจ้าหน้าที่ประมงจังหวัดได้แนะนำเกษตรกรที่เลี้ยงปลาที่ยังไม่ตาย ให้เปิดเครื่องเพิ่มออกซิเจนให้ปลาตลอด 24 ชั่วโมง รีบคัดแยกปลาเพิ่มพื้นที่ไม่ให้ปลาอยู่อย่างแออัด พร้อมรีบจับปลาขึ้นจำหน่ายก่อนเวลา เพื่อลดการขาดทุนจากปลาเลี้ยงตาย
จากการสำรวจมีปลาเลี้ยงของเกษตรกรจำนวน 4 ราย ได้รับความเสียหายรวมกันประมาณ 200 กระชัง คิดเป็นน้ำหนักกว่า 20 ตัน มูลค่าความเสียกว่า 1.2 ล้านบาท