ผวจ.ตราดจี้หาคนร้ายลอบเผาเรือพื้นบ้านช่วยจับเรืออวนรุน

ตราด - คนร้ายลอบเผาเรือประมงพื้นบ้าน เรือ อบต.หลังจับเรืออวนรุน ผู้ว่าฯ ตราด ไม่ยอมสั่งหามือเผาด่วน

วันนี้ (19 มิ.ย.) นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด พร้อมด้วย นายชาญศักดิ์ ถวิล รองผู้ว่าราชการจัวหวัดตราด พร้อมรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตราด น.ต.นิรุฒิ ชูศรี รอบผบ.พัน ร.หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด (ฉก.นย.ตราด) ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งเจ้าท่า ประมง ร่วมประชุมหารือกับ นายประดิษฐ์ คุ้มชนม์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแหลมกลัด นายสุเนตร ทักคีรี กำนันตำบลแหลมกลัด พร้อมฝ่ายปกครอง นำโดย นายไพรัช สร้อยแสง ปลัด อ.เมืองตราด รวมทั้งชาวประมงพื้นบ้าน จำนวน 20 คน ร่วมประชุม

นายชาญนะ กล่าวว่า การที่ต้องมาประชุมอย่างเร่งด่วนครั้งนี้ เพราะทราบว่า เรือประมงพื้นบ้านของชาวบ้านแหลมกลัด และเรือของ อบต.แหลมกลัด รวม 3 ลำ ถูกขโมยไป และถูกนำไปเผาที่ป่าชายเลน พร้อมนำเครื่องยนต์ และเครื่องมือทำประมงเสียหายทั้งหมด ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นเรื่องไม่ดี และอาจจะทำให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่คือ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่ท้อถอย และไม่มีกำลังใจในการทำงาน

จึงต้องมาประชุมแก้ไขให้มีการแก้ปัญหาได้อย่างเร่งด่วน ซึ่งทางจังหวัดพร้อมจะยืนเคียงข้างในการทำให้เกิดความถูกต้อง ทั้งนี้ ได้ขอให้ทางตำรวจ และทหารเรือที่ดูแลในเรืองคดีได้ดำเนินการสืบหาผู้ก่อเหตุ โดยขอให้เริ่มต้นจากผู้ต้องหา 3 คน ที่ทำร้ายเจ้าหน้าที่เมื่อเร็วๆ นี้ และถูกจับกุมไปดำเนินคดี ทางจังหวัดยืนยันในเรื่องการทำหน้าที่ตามกฎหมาย และไม่ละเว้นต่อผู้กระทำความผิด

นายสุเนตร ทักคิรี กำนันตำบลแหลมกลัด บอกว่า ที่ผ่านมา ได้ออกปฏิบัติหน้าที่ตามนโยบายของจังหวัดร่วมกับผู้ใหญ่บ้าน และกลุ่มอนุรักษ์ ดำเนินการจับกุมกลุ่มเรือประมงอวนรุนผิดกฎหมายที่เข้ามาลักลอบทำประมงในอ่าวแหลมกลัด นอกจากจะทำลายทรัพยากรสัตว์น้ำแล้ว ยังทำให้เครื่องมือประมงของชาวประมงพื้นบ้านเสียหายด้วย

ซึ่งชาวประมงพื้นบ้านได้มีการร้องเรียนบ่อยครั้ง เมื่อดำเนินการจับกุม และนำเรือประมงอวนรุนไว้ที่หน้าหาดลานทราย ต.แหลมกลัด อ.เมือง จ.ตราด และได้ทำบันทึกการจับกุมเมื่อคืนวันที่ 16 มิถุนายน 2559 และส่งไปมอบตัวที่ สภ.บ้านท่าเลื่อน ต.ชำราก อ.เมือง จ.ตราด ก็ได้รับการประกันตัวออกไป พร้อมได้รับอนุญาตให้นำเรือประมงกลับไป เหลือแต่คันรุนไม่ให้นำไปเพราะเกรงว่าจะนำไปทำประมงอีก

แต่เกิดเหตุเรือประมงพื้นบ้าน 2 ลำ และเรือตรวจการณ์ (เรือไฟเบอร์) 1 ลำ รวม 3 ลำ หายไปในคืนวันที่ 17 มถุนายน 2559 และมาพบในเย็นวันที่ 18 มิถุนายน 2559 ที่ป่าชายเลน ต.ชำราก และถูกเผาได้รับความเสียหายทั้งหมด พร้อมเครื่องยนต์ และเครื่องมือทำประมง

ขณะที่ในที่ประชุม ผู้ใหญ่บ้าน และส่วนราชการทั้งทหาร และตำรวจได้ให้ข้อมูลต่างๆ โดยที่ไม่ให้สื่อมวลชนเข้าร่วมประชุมด้วย ในส่วนของพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องของกลุ่มเรือประมงอวนรุนที่ไม่ยอมรับกับกติกา และคำสั่งของ คสช.ที่ประกาศให้ยกเลิกเรือประมงอวนรุนที่ผิดกฎหมาย ซึ่งทางผู้ว่าราชการจังหวัดตราด ได้สั่งการให้ทางรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตราด และฝ่ายทหารได้ทำการสืบสวนหาผู้กระทำความผิดโดยไม่ละเว้นว่าเป็นใคร ขอให้นำมาดำเนินคดีโดยเร็ว

หลังจากจบประชุมแล้ว นายชาญนะ เปิดเผยว่า ในเรื่องขอคดีได้สั่งการให้ทางตำรวจเข้าสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี โดยเริ่มจากผู้ต้องหา 3 คน ที่ถูกจับกุมก่อน โดยให้ทำการสอบสวนหาข้อมูลต่างๆ มาเพื่อใช้เป็นเบาะแสหาตัวผู้กระทำความผิด และพร้อมระดมกำลังทั้งทหาร และประมง รวมทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้านดำเนินการปราบปรามเรือประมงที่ผิดกฏหมายไม่ให้ออกมาทำประมงโดยเด็ดขาด ส่วนเจ้าของเรือประมงที่ได้รับผลกระทบ แม้ตามหลักเกณฑ์จะไม่สามารถช่วยเหลือได้ แต่จะหาช่องทางในการช่วยเหลือทางอื่นเพื่อให้เขาได้ดำเนินช่วยเหลือต่อไปได้

ส่วน นายประดิษฐ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ทางราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งเจ้าท่าตราด ประมง จ.ตราด ฝ่ายทหารเรือ และฝ่ายปกครอง ต้องดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด และไม่ต้องกังวลในเรื่องผลกระทบเมื่อเกิดเหตุการณ์ในทำนองนี้ แสดงให้เห็นว่า ความขัดแย้งเริ่มบานปลาย และจะเริ่มมีความรู้สึกที่ไม่ดีระหว่างกลุ่มเรือประมงพื้นบ้าน กับเรือประมงอวนรุน ซึ่งการดำเนินการจะต้องไม่สร้างความขัดแย้งเกิดขึ้นอีก รวมทั้งต้องดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมาไม่ละเว้นเพราะกลัวเรื่องมวลชน

สำหรับเหตุการณ์เผาเรือประมงพื้นบ้าน 2 ลำ ลำแรกเป็นของ นายอุทิศ ขาวคม ลำที่ 2 เป็นของนายเศรษฐวุธ โตวีนัส และลำที่ 3 เป็นเรือตรวจการณ์ (เรือไฟเบอร์) ของ อบต.แหลมกลัด ที่ใช้ในการตรวจจับเรือประมงผิดกฏหมาย ถูกเผาด้วยน้ำมันจนได้รับความเสียหายช่วงท้ายเรือทั้งหมด พร้อมนำเครื่องยนต์ไปด้วย และยังมีลอบดักปูลำละ 500 อัน เสียหายด้วย รวมมูลค่าทั้ง 3 ลำ กว่า 3 แสนบาท