บุรีรัมย์ - “ดีเอสไอ” ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง หลังชาวบ้านร้องนายทุนบุกรุกตัดต้นไม้ทำประโยชน์ส่วนตัวที่ป่าสงวนแห่งชาติโคกโจดกว่า 2 พันไร่ ร้องเรียนยืดเยื้อมากกว่า 10 ปีไม่คืบหน้า เพื่อสรุปสำนวนเสนออธิบดีพิจารณารับเป็นคดีพิเศษหรือไม่
วันนี้ (15 มิ.ย.) เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำโดยนายเจตนา เหมมุน พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ สำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมสอบปากคำพยานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง หลังจากได้รับร้องเรียนจากชาวบ้านใน ต.ร่อนทอง อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ว่ามีนายทุนและชาวบ้านบางส่วนลักลอบตัดไม้ แผ้วถางป่า ทั้งบุกรุกครอบครองปลูกสร้างที่อยู่อาศัย และปลูกพืชเศรษฐกิจ เช่น ยางพารา อ้อย มันสำปะหลัง ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติโคกโจด ต.ร่อนทอง อ.สตึก กว่า 2,000 ไร่
ชาวบ้านระบุว่าก่อนหน้านี้ได้ร้องเรียนไปหลายหน่วยงาน ทั้ง อบต. อำเภอ และศูนย์ดำรงธรรม แต่ไม่มีความคืบหน้าและยังคงมีการบุกรุกอยู่อย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว จนปัจจุบันแทบไม่หลงเหลือสภาพป่าที่สมบูรณ์แล้ว เกรงว่าหากปล่อยไว้ไม่ดำเนินการตรวจสอบเอาผิด หรือหามาตรการป้องกันอย่างจริงจังแล้ว ป่าสงวนโคกโจดดังกล่าวก็จะถูกบุกรุกครอบครองทั้งหมด
จากการลงตรวจสอบพื้นที่พบมีการปลูกสร้างที่อยู่อาศัย และทำประโยชน์โดยเฉพาะการเกษตรในพื้นที่ดังกล่าวจริง
นายเจตนา เหมมุน พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ สำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุว่า หลังลงตรวจสอบพื้นที่ป่า สอบปากคำพยานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องครบทั้งหมดแล้ว จะรวบรวมข้อมูลสรุปสำนวนข้อเท็จจริง ส่งนำเสนออธิบดีกรมสวบสวนคดีพิเศษได้พิจารณาสั่งการว่าจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ หากรับเป็นคดีพิเศษจะแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสืบสวนสอบสวนเพื่อดำเนินการเอาผิดต่อผู้กระทำผิด แต่หากไม่เข้าเป็นคดีพิเศษจะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ดูแลรับผิดชอบป่าดังกล่าวโดยตรงเข้ามาตรวจสอบ และหามาตรการป้องปรามไม่ให้มีการลักลอบตัดไม้ หรือบุกรุกป่าโคกโจดดังกล่าว