xs
xsm
sm
md
lg

สกน.รวมตัวหน้าเรือนจำลำพูน จี้รัฐเร่งแก้ปมที่ดิน-ระดมทุนช่วยคนต้องคดีรุกที่ดิน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ลำพูน - เครือข่ายสหพันธ์เกษตรภาคเหนือ รวมตัวหน้าเรือนจำลำพูนเกือบร้อยคน ออกแถลงการณ์เรียกร้องรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เร่งแก้ปัญหาที่ดินคนจน หลังสมาชิกในลำพูน ต้องติดคุกติดตะรางมากถึง 7 คน กระทบครอบครัวอีกบาน พร้อมระดมทุนช่วยคนถูกจองจำจากคดีรุกที่ดิน

วันนี้ (10 มิ.ย.) นายสุแก้ว ฟุงฟุ ผู้นำเครือข่ายปฏิรูปที่ดินจังหวัดลำพูน เครือข่ายสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) กว่า 80 คนได้รวมตัวกันที่ลานหน้าเรือนจำจังหวัดลำพูน เพื่อแถลงการณ์แสดงจุดยืนในนามของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) เรื่อง “คุกตะรางไม่ใช่การแก้ไขปัญหาของคนจนและเกษตรกรรายย่อย” พร้อมระดมทุนช่วยเหลือสมาชิกที่ถูกจองจำคดีรุกที่ดิน โดยระบุว่าปัญหาที่ดินเป็นปัญหาที่หมักหมมมาอย่างยาวนานหลายยุคหลายรัฐบาล การเรียกร้องให้เกิดการแก้ไขของภาคประชาชนให้มีการแก้ไขปัญหาที่ดินอย่างจริงจัง ผ่านมาหลายชั่วอายุคน บ้างเสียชีวิต บ้างถูกขับไล่ บ้างถูกดำเนินคดี บ้างถูกจองจำ ปัญหาที่ดินไม่เคยถูกแก้ไขให้แล้วเสร็จสักที

จนมาถึงวันนี้มีสมาชิกสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือจำนวน 7 ราย ถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 1 ปี พวกเขาถูกจองจำผ่านมาแล้วครึ่งเดือน อิสรภาพที่ถูกลิดรอน ครอบครัวต้องดิ้นรนทำงานมากเพิ่มขึ้น สุขภาพจิตและสุขภาพกายที่อ่อนแอลง สิ่งเหล่านี้หรือคือสิ่งที่พวกเขาต้องได้รับจากการลุกขึ้นมาปกป้องที่ดินทำกินของบรรพบุรุษ ที่ดินของชุมชนจากเหล่านายทุน

แถลงการณ์ยังระบุอีกว่า ที่ดินบริเวณพิพาทที่นำมาสู่การจองจำนั้น เดิมเมื่อปี 2509 รัฐมีโครงการจัดสรรที่ดินผืนใหญ่ 15,000 ไร่ บ้านโฮ่ง-ป่าซาง แต่โครงการดังกล่าวดำเนินการไปได้ไม่กี่ปี ก็เกิดปัญหาการแจกใบจองให้เกษตรกรที่ผิดพลาด จึงมีการเรียกใบจองคืนเพื่อจัดสรรใหม่ แต่แล้วเมื่อปี 2533 โครงการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดิน ดำเนินการเร่งออกเอกสารสิทธิ์ในพื้นที่ สุดท้ายเอกสารสิทธิ์ส่วนใหญ่กลับตกไปอยู่ในมือของเอกชน และเอกชนบางกลุ่มกลับเอาเอกสารสิทธิจำนองต่อสถาบันการเงิน และปล่อยที่ดินทิ้งร้างไม่ทำประโยชน์ ชาวบ้านในชุมชนจึงรวมตัวกันเข้าปฏิรูปที่ดิน ซึ่งแต่เดิมเป็นของบรรพบุรุษทำกินมาก่อน จึงเกิดการฟ้องร้อง และจำคุกชาวบ้านที่อยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่

ทั้งนี้ นับเป็นเวลาหลายปีที่สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือเรียกร้องต่อสู้จนเกิดการตรวจสอบเอกสารสิทธิว่า ออกโดยมิชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ มีการตั้งคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาโดยรัฐบาลหลายชุดหลายคณะ แต่ก็ยังไม่เป็นรูปธรรม สมาชิกของสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือหลายรายที่เคยต้องถูกจำคุก บางรายเสียชีวิตในคุก บางรายต้องสูญเสียครอบครัว ดังนั้น พวกเราสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ จึงมีข้อเสนอดังต่อไปนี้

1. ให้เร่งรัดแนวทางรับรองอุดมการณ์สิทธิชุมชนในการดูแลจัดการที่ดินและทรัพยากรในรูปแบบ โฉนดชุมชน โดยผลักดันร่าง พ.ร.บ.สิทธิชุมชนในการจัดการที่ดินและทรัพยากร ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากสภาปฏิรูปแห่งชาติให้เข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติโดยเร็ว

2. เร่งรัดดำเนินงาน โครงการนำร่องธนาคารที่ดิน ในพื้นที่นำร่อง 4 พื้นที่ในจังหวัดลำพูน-เชียงใหม่ และเร่งผลักดันร่าง พ.ร.บ.ที่ดิน ตามร่างของภาคประชาชน ให้ตราเป็นกฎหมายโดยเร็ว

3. ให้ทบทวนและแก้ไขกฎระเบียบการเข้าเยี่ยมผู้ถูกคุมขัง เนื่องจากมีการจำกัดการเข้าเยี่ยมได้เพียง 5 รายต่อผู้ถูกคุมขัง 1 คน ถือเป็นการจำกัดสิทธิผู้ต้องการเข้าเยี่ยม

นอกจากนั้น แถลงการณ์ยังระบุถ้อยความถึงนายกรัฐมนตรีอีกว่า เราในฐานะประชาชนผู้ทุกข์ยาก จึงจำเป็นต้องแสดงเจตนารมณ์ในครั้งนี้ให้ต่อสังคม และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าคุกตะรางไม่ใช่การแก้ไขปัญหาของคนจนและเกษตรกรรายย่อย โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาของประชาชนอย่างแท้จริงตามเจตนารมณ์คืนความสุขให้ประชาชนของรัฐบาล

หลังการรวมตัวแจกแถลงการณ์ก็มีการตั้งกล่องรับบริจาคเพื่อสมทบทุนช่วยเหลือครอบครัวนักสู้ สกน. หลังจากนั้นจึงมอบเอกสารผ่านตัวแทนของเรือนจำลำพูน เพื่อส่งผ่านไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ก่อนแยกย้ายกันกลับในเวลาต่อมา







กำลังโหลดความคิดเห็น